บทความนี้จะพาทุกท่านมาอัพเดทเทรนด์ความงามที่น่าสนใจ สำหรับการสร้างแบรนด์ เริ่มต้นทำธุรกิจความงาม ครีม เครื่องสำอาง สกินแคร์ และอาหารเสริม ว่ามีสินค้าประเภทไหนกำลังมาแรงบ้าง
เทรนด์ความงามและสุขภาพค่อนข้างเติบโตอย่างรวดเร็ว ใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา และปรับเปลี่ยนตามวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้คน ทำให้เกิดเทรนด์ที่เข้ากับยุคสมัยนั้น ๆ บทความนี้จะพาทุกท่านมาอัพเดทเทรนด์ความงามที่น่าสนใจ สำหรับการสร้างแบรนด์ เริ่มต้นทำธุรกิจความงาม ครีม เครื่องสำอาง สกินแคร์ และอาหารเสริม ว่ามีสินค้าประเภทไหนกำลังมาแรงบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ
หลังจากมีโรคระบาดโควิด-19 ปลุกกระแสรักสุขภาพมากขึ้น ปี 2022 มีแนวโน้มว่าเทรนด์ธุรกิจเกี่ยวกับการเสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มภูมิต้านทาน จะมาแรงอย่างต่อเนื่องเห็นได้จาก ธุรกิจอาหารเสริมและสมุนไพรไทยหลายแบรนด์ ที่พลิกวิกฤตในครั้งนี้ให้โอกาส โดยหยิบเอาจุดแข็งของประเทศไทย ที่เป็นแหล่งผลิตสมุนไพรสำคัญของโลก ไม่ว่าจะเป็น ขมิ้น กระชายขาว และวิตามินซี ที่ขาดตลาดไปช่วงหนึ่ง เพราะมีข้อมูลเผยเพร่ว่าสามารถยับยั้งเชื้อโควิดได้ เน้นสรรพคุณในด้านการบำรุง ดูแล ฟื้นฟูสุขภาพ ทำให้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้น่าลงทุนสำหรับผู้ที่อยากเริ่มทำแบรนด์ เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงตลาดคนรักสุขภาพที่นับวันจะเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. ผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันสิวจากหน้ากากอนามัย
เป็นอีกหนึ่งประเภทสินค้าที่น่าทำแบรนด์เป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากปกติแล้ว ผลิตภัณฑ์ประเภทดูแลเรื่องสิวต่าง ๆ ค่อนข้างจะขายดีอยู่แล้ว และด้วยสถานการณ์ที่เราต้องใส่แมสอยู่ตลอดเป็นเวลานาน ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ผิวอักเสบ ระคายเคือง แบรนด์จำนวนมากจึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ป้องกันการเกิดสิวจากหน้ากาก เช่น สกินแคร์ป้องกันการเกิดสิว (Anti Acne) ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิว ลดความมันที่เกิดจากความอับชื้นภายใต้แมส เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในสมัยนี้
3. ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่เป็นมิตรต่อหน้ากากอนามัย
แม้หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนกันแล้ว แต่เมื่อออกจากบ้านยังคงต้องใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่ จึงเป็นเรื่องค่อยข้างยากสำหรับผู้ที่ชอบการแต่งหน้า ที่จำเป็นต้องเลือกใช้เมคอัพแบบ Mask Friendly ให้ติดทนมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เลอะติดหน้ากากอนามัย เช่น ลิปสติกเนื้อเหลว เครื่องสำอางกันน้ำ ครีมกันแดดที่เนื้อซึมไว ผลิตภัณฑ์อย่างอายแชโดว์ มาสคาร่า บลัชออน และคอนซีลเลอร์ ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เพราะเวลาเราใส่หน้ากากอนามัยใบหน้าตั้งแต่จมูกลงไปจะถูกปิด จึงเน้นไปแต่งส่วนบนของใบหน้าแทนซะส่วนใหญ่
4. ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวมือ
แอลกอฮอล์ล้างมือที่เราใช้ฆ่าเชื้อกันอยู่นั้น มีผลข้างเคียงทำให้มือลอก แห้งหยาบกร้าน จึงเป็นโอกาสที่สินค้าประเภทล้างมือบำรุงผิวมือจะเติบโตเพิ่มขึ้น หลายบริษัทที่เกี่ยวกับความงามจำนวนมากเริ่มหันมาพัฒนาสินค้าจำพวกนี้หรือแม้กระทั่งเจลล้างมือ แอลกอฮอล์ล้างมือ ที่เป็นสูตรถนอมมือ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น มือนุ่มน่าสัมผัส มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและบำรุงในตัวเดียว หากสร้างแบรนด์สินค้าประเภทถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดีเลยล่ะค่ะ
5. ผลิตภัณฑ์ที่เน้นออร์แกนิคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สินค้าประเภทยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง เพราะในปัจจุบันเทรนด์รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่รับประทานและใช้บนร่างกาย ทำให้ใส่ใจในวัตถุดิบมากขึ้น จึงมองหาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจริงๆ เข้ามาแทนที่การใช้สารเคมี แม้บางกลุ่มจะยังไม่สนใจ แต่สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับ Clean Beauty ยอมที่จะจ่ายด้วยราคาที่สูงกว่าเพื่อได้สิ่งที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันเหลายแบรนด์มาก ๆ เริ่มหันมาพัฒนาสินค้าที่ทำจากธรรมชาติ และคงจะคุ้นๆกับคำโฆษณาว่า “Clean” “Green และ “เป็นมิตรต่อธรรมชาติ” นอกจากผลิตภัณฑ์ที่เป็น Clean Natural & Organic แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำการทดลองในสัตว์ Cruelty-free ก็จะเป็นกระแสต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และถ้ายิ่งออกแบบ Packaging ให้ดูดี มีความมินิมอลเรียบหรูก็จะยิ่งดึงดูดกลุ่มลูกค้า เป็นเทรนด์สร้างแบรนด์ ในปี 2022 ที่สนใจมากทีเดียวค่ะ
6. ผลิตภัณฑ์เพื่อคนทุกสีผิว
ความหลากหลายของสีผิวเป็นประเด็นที่สังคมเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น ทำให้หลายแบรนด์เริ่มจับประเด็นนี้นำมาพัฒนาเครื่องสำอาง ซึ่งแต่ก่อนนั้น รองพื้นไม่ค่อยมีเฉดสีให้เลือกมากนัก ไม่ได้ทำเฉดสีมาเยอะครอบคลุมได้ทุกสีผิว ส่วนใหญ่จะทำเฉดสำหรับคนขาวและคนผิวสองสี ทำให้คนที่มีผิวเข้มสุด ๆ ค่อนข้างจะหารองพื้นได้ยาก แสดงให้เห็นว่าเรากำลังอยู่ในสังคมของความแตกต่างของสีผิว ที่ไม่ได้มีแต่คนผิวขาว หรือสาวผิวสองสีเท่านั้น แต่สาวผิวสีเองนั่นก็เป็นกลไกสำคัญของตลาดเครื่องสำอางเช่นกัน ยกตัวอย่าง แบรนด์เฟนตี้ บิวตี้ (Fenty Beauty) ของริฮานน่า (Rihanna) ) นักร้องสาวที่ผันตัวไปจับธุรกิจความงาม ที่ทำรองพื้นที่ครอบคลุมเกือบทุกเฉดสีผิว มากถึง 50 เฉดด้วยกัน ตอบโจทย์ให้ทุกสีผิวมีโอกาสได้ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลากไม่ได้มีแค่เรื่องเฉดสีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผิวประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวบอบบาง ผิวมัน ผิวแห้ง และผิวผสม ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเพื่อความต้องการที่แตกต่างกันไป
7. ผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่แบ่งเพศ หรือ Genderless Beauty
ตั้งแต่ต้นปี 2020 กระแสของเรื่อง Gender-Neutral มาแรงขึ้นอีกครั้ง และเชื่อว่าอาจจะกลายเป็นกระแสที่อยู่คงทนไปอีกนานเลยทีเดียว ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก การยอมรับความหลากหลายทางเพศก็เปิดกว้างมากขึ้นในสังคมไทย ทำให้เป็นอีกประเด็นที่แบรนด์บิวตี้ต้องให้ความสำคัญ และเริ่มมีเครื่องสำอาง Unisex ที่ไม่จำกัดว่าผู้ใช้เป็นเพศไหน ทุกเพศสามารถใช้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ รองพื้น หรือรวมไปถึงลิปสติก ที่ผู้ชายก็ใช้ร่วมกับผู้หญิงได้ ซึ่งในอนาคตการแต่งหน้าของผู้ชายจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เรื่องช็อคอีกต่อไป โดยจะเห็นได้ว่าปัจจุบันเริ่มจะเห็นพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางที่เป็นผู้ชายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงอีกต่อไป และหลาย ๆ แบรนด์ดังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้บริโภคมากขึ้น แบรนด์ต้องปรับตามยุคสมัยถึงจะสามารถไปต่อได้
8. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชง
หลังจากที่รัฐบาลได้ปลดล็อก “กัญชง” บางส่วนให้พ้นยาเสพติด กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ ทำให้กัญชงเตรียมเขย่าวงการความงาม กลายเป็นเทรนด์ธุรกิจในปี 2022 ที่น่าจับตามอง สังเกตุได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่ที่นำกัญชงเข้ามาประยุกต์ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มมูลค่า สร้างโอกาสธุรกิจที่น่าสนใจ ในต่างประเทศก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเฉพาะในยุโรป และอเมริกา มีการใช้กันอย่างวงกว้าง ในส่วนของประเทศไทยนั้น หลังจากที่รัฐบาลได้อนุญาตให้ปลูก (ในจำนวนที่กฎหมายกำหนด) หลายแบรนด์เริ่มมีการนำกัญชงมาผลิตใส่ในเครื่องสำอางและวางขายกันอย่างจริงจังแล้ว แต่ต้องศึกษากฎหมายให้ละเอียดก่อนว่า ส่วนไหนของกัญชงสามารถผลิตสินค้าประเภทไหนได้บ้าง รวมทั้งกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเพาะปลูก กระบวนการแปรรูปสารสกัด จนถึงการผลิตเครื่องสำอาง ล้วนต้องได้รับการรับรองการผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน
ทิศทางธุรกิจความงาม ในปี 2565 เทรนด์ที่เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 อาจกลายเป็นสิ่งที่คงอยู่ถาวรอยู่ต่อไป เพราะผู้คนเริ่มมีพฤติกรรมในการใส่ใจดูแลตนเองมากขึ้น จนกลายเป็นความเคยชินของผู้คนไปเลย อย่างไรก็ตามเทรนด์ที่ได้ยกตัวอย่างมานั้น ยังคงจะเป็นกระแสไปอีกระยะยาว ดังนั้นจึงยังโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจจะสร้างแบรนด์ ทำแบรนด์ ได้อยู่เสมอ
ข้อมูลอ้างอิง
https://mgronline.com/smes/detail/9640000023203
https://www.vogue.co.th/beauty/cushionskbeauty