เรื่องน่ารู้สร้างทำแบรนด์ครีม-เครื่องสำอาง-เวชสำอาง-สกินแคร์-อาหารเสริม ว่าด้วยเรื่อง The End = จุดเริ่มต้น
คำถามนี้เกิดจากการที่ PS ได้ไปร่วมสัมนาว่าด้วยเรื่อง “นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เครื่องมือในการแข่งขันธุรกิจ” ที่จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติเมื่อเดือนที่แล้วมา ได้ไอเดียใหม่ๆเยอะเลยล่ะค่ะ และจุดไคลแมกซ์ที่ได้กลับมาคือ ตอนนี้กลยุทธ์การตลาดเรื่อง 4P ที่เราคุ้นๆกัน (จริงๆตอนนี้มันไปหลาย P ล่ะ) เค้าเพิ่ม P ตัวที่ 5 นั่นก็คือ P Packaging เข้ามา เพราะถือว่า P นี้ก็เป็นหัวใจสำคัญสำหรับการทำธุรกิจเหมือนกัน
พูดถึงเรื่องแพกเกจจิ้ง ก็ลิงค์เข้าไปที่คำถาม หลายๆคนคงพอเดาออกแล้วว่าจุดแรกที่เราขายสินค้าแล้วคนจะเห็นนั่นก็คือหน้าตาของผลิตภัณฑ์ การห่อหุ้ม รูปแบบต่างๆที่เป็นส่วนภายนอก ทำให้ดึงดูดคนเข้ามาสนใจ เจ้าของแบรนด์บางท่านไม่ให้ความสำคัญกับตรงนี้มากนัก เพราะคิดว่าแค่ของข้างในมันดี การตลาดเจ๋งทุกอย่างก็ขายได้ ฮัลโหลล ลืมเรื่อง first impression ไปรึเปล่า! (แบรนด์แป้งชื่อไทยเจ้านึงที่เพิ่งเปลี่ยนแพกเกจจิ้งไปเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญสำหรับเคสนี้เลยล่ะ)
ส่วนในแง่ของการผลิตแพกเกจจิ้งกลับเป็นงานสุดท้ายใน line production ซึ่งเจ้าของแบรนด์ต้องประสานและตามงานกับ supplier เพื่อให้สินค้าออกมาสำเร็จลุล่วงเป็นไปด้วยดี บางท่านออกแบบ ยืนยันแบบ จ่ายเงินเรียบร้อย แต่ปรากฎงานจริงที่ออกมาสีล่อน กระดาษยับ พอส่งเข้าโรงงานเพื่อประกอบสินค้า กลายเป็นปัญหาที่คาราคาซัง สินค้าออกได้ไม่ตรงตาม dead line และปัญหาอื่นๆตามมา
เพราะฉะนั้นความสำคัญของ P Packaging ที่เราสรุปกันมาให้มีดังนี้ค่ะ
1. บรรจุภัณฑ์คือตัวเชื่อมระหว่างการผลิตและการตลาด: การออกแบบต้องสอดคล้องกันทั้งฝ่ายผลิตและฝ่ายการตลาด บางครั้งฝ่ายการตลาดคิดว่าออกแบบอย่างนี้ดีมาก แตกต่าง ปังแน่ๆ แต่พอมองในแง่การผลิต งานประกอบทำยากมาก ขนย้ายเปลืองพื้นที่ หรืออื่นๆ ซึ่งเจ้าของแบรนด์ต้องลองชั่งน้ำหนักดูค่ะ
2. บรรจุภัณฑ์เป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความได้เปรียบทั้งการผลิตและการตลาด: อ้างอิงจากข้อข้างบน สิ่งที่ออกไปถ้ามันเวิคและสมดุลกันทั้งการผลิตและการตลาด จุดนี้ก็คือความได้เปรียบในการแข่งขันของแบรนด์
3. บรรจุภัณฑ์เปรียบเหมือนเซลล์เงียบ: คือไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าปัง และคนก็พร้อมจะควักเงินซื้อ เพราะยอมรับมาเหอะว่าของบางชิ้นคุณซื้อเพราะแพกเกจมันน่ารัก
4. บรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุวงจรสินค้า: ว่าด้วยเรื่องวงจรสินค้า จะมีช่วงเริ่มเข้าตลาด ติดตลาด ขาลง และหายไปจากท้องตลาด เมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าช่วงเริ่มจะขาลง หลายๆแบรนด์เริ่มเปลี่ยนรูปแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดให้สินค้ายังคงติดตลาดอยู่ (สังเกตหรือเปล่าแบรนด์ Mass พวกแชมพู ครีมอาบน้ำงี้ เปลี่ยนบ่อยมาก)
5. ปริมาณการผลิตสัมพันธ์กับความยูนีคของบรรจุภัณฑ์: หมายถึงว่าหากคุณวางแผนการออกสินค้าที่มี Volume จำนวนมากพอ แบรนด์ของคุณก็จะได้บรรจุภัณฑ์ที่ขึ้นรูปใหม่เฉพาะแบบ ทำให้คนจดจำลักษณะของบรรจุภัณฑ์ได้ว่าถ้าเห็นยังงี้คือแบรนด์นี้เท่านั้น แต่ความยูนีคก็มาพร้อมกับปริมาณและราคาต่อชิ้นที่ต้องมาทำการตัดสินใจว่าจะเลือกอย่างใด
เรื่องบรรจุภัณฑ์เหมือนจะไม่สำคัญ แต่จริงๆแล้วก็สำคัญมากเหมือนกันนะคะ เป็นส่วนที่ต้องคำนึงถึงเลยแหละจากการฟังสัมนามีหลาย topic ที่เค้ากล่าวถึงเช่น ต้นทุนการขนส่งกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์/เทรนด์การออกแบบกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และอื่นๆ ไว้โอกาสหน้า PS มาเล่าให้ฟังกันอีกนะคะ
ปรึกษาเรื่องการผลิตครีม การผลิตเครื่องสำอาง และการผลิตอาหารเสริมได้ที่ พรีมา แคร์ เป็นโรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอางและอาหารเสริมที่มีคุณภาพและชำนาญการ เรามีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ในทุกความต้องการที่คุณคาดหวังค่ะ