สร้างแบรนด์ครีม เครื่องสำอาง อาหารเสริม เราจะปรับแผนกลยุทธ์การขายของเราอย่างไรในวันที่อิ่มตัว
บทความนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่เข้าตลาดมาซักพักแล้วค่ะ สร้างทำแบรนด์ครีม เครื่องสำอาง เวชสำอาง สกินแคร์ หรืออาหารเสริม ที่สั่งผลิตจากโรงงานหรือบริษัทรับผลิต มาได้สักระยะหนึ่ง เราจะพบว่ายอดขายมันเริ่มอืดๆ ยิงแอดไม่ค่อยมีลูกค้า ต้องโปรโมทเยอะขึ้น สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นกับเจ้าของแบรนด์ทุกคนแน่นอนค่ะ เราจะเห็นสัญญาณของทางตันนี้ได้ก่อน เพราะก่อนที่แบรนด์หรือธุรกิจจะอิ่มตัวมันก็จะผ่านช่วงเข้าตลาด ช่วงรุ่งโรจน์ แล้วก็ช่วงนิ่งๆที่เราเรียกว่าช่วงเริ่มอิ่มตัว ซึ่งช่วงนี้อาจจะเป็นเส้นตรงนานๆ หรือไม่ก็ดิ่งลงแบบไม่ทันตั้งตัว แต่มันก็มีวิธีที่แบรนด์ต่างๆเลือกนำมาใช้มากมายเพื่อไม่ให้เกิดปรากฎการณ์อิ่มตัวนานๆ บางครั้งหากวิธีที่เลือกใช้มันปัง แบรนด์ก็จะกลับพุ่งเป็นเส้นขึ้นเขาอีกรอบ วัฎจักรพวกนี้เชื่อว่าทุกธุรกิจต้องเจอกัน ภาษาการตลาดเรียกว่า “วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์” (Product Life Cycle) ดังภาพเลยค่ะ
เพราะฉะนั้นหากเจ้าของแบรนด์ใดที่รู้สึกว่าช่วงนี้ยอดสูงละ แต่สูงแบบคงที่ ส่วนอัตราการเติบโตของยอดเริ่มลดลง ลูกค้าในทาเก็ตรู้จักแบรนด์และมาเป็นลูกค้าประจำกันเยอะแล้ว งบการตลาดใช้น้อยลง ฯลฯ สัญญาณพวกนี้ต่างเป็นตัวบ่งบอกถึงภาวะอิ่มตัวของแบรนด์ ดังนั้นเมื่อสัญญาณมา แบรนด์ก็ต้องเริ่มปรับตัวดังนี้ค่ะ
1.1 สถานที่การขายใหม่ เช่น ปกติขายแต่ในกรุงเทพ ลองออกไปเซย์ไฮต่างจังหวัด หรือต่างประเทศเพื่อนบ้านดูบ้าง
1.2 ช่องทางการขายใหม่ เช่น ปกติเปิดขายออนไลน์อยู่แต่ใน facebook เท่านั้น ยิงแอดไปตอนนี้ก็ลำบากจัง ปิดกั้นเยอะแยะ การมองเห็นก็จะลดลง นี่ก็ลองฉีกไปขายสื่อออนไลน์อื่นๆ ที่กำลังเป็นเทรนด์ได้นะคะ เช่น Tiktok, Lazada, Shopee เป็นต้น
1.3 กลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่นปกติเป็นสินค้าสำหรับวัยรุ่น ลองขยับกลุ่มทำการตลาดเจาะไปวัยทำงานหรือวัยอื่นๆที่คิดว่าเหมาะสม คือจริงๆแล้วอย่ามองว่าของลูกค้าของแบรนด์มีแค่คนบางกลุ่ม เพราะอาจจะมีกลุ่มอื่นที่สามารถใช้สินค้าเราได้โดยที่คุณคาดไม่ถึง
2.พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ : ทางเลือกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่คือ
2.1 ผลิตภัณฑ์เดิมแต่เพิ่มเติมอย่างอื่นที่ดีกว่า เช่น ปรับสูตรใหม่ที่ดีกว่าเดิม มีสารสกัดที่ได้รับรางวัลระดับโลก มีสารสกัดที่เลอค่า มีสารสกัดที่เป็นนวัตกรรมล้ำหน้า มีสารสกัดที่ได้รับรองออแกนิค เป็นต้น
2.2 ผลิตภัณฑ์เดิมแต่เปลี่ยนแพกเกจจิ้งใหม่ เรียกว่า ปรับโฉมรูปลักษณ์ ให้ดูว่าแบรนด์ไม่ได้นิ่งมากไป อาจมีการทำ Limited Collection เพื่อจัดจำหน่ายด้วยขนาดที่เล็กลง เพื่อให้กลุ่มลูกค้ากล้าที่จะจ่ายเงินทดลองซื้อสินค้าไปใช้ ตามที่เราคอยประโคมโฆษณาค่ะ ข้อนี้หลายแบรนด์ทำบ่อยอย่างพวกแชมพู ครีมอาบน้ำ mass brand
2.3 ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเข้ามาในไลน์สินค้า เช่น เดิมทำแต่ครีมสำหรับผิวธรรมดา ก็เพิ่มครีมบำรุงสำหรับผิวแบบอ่อนโยนมาเพื่อเพิมลูกค้าอีกกลุ่มให้กับแบรนด์ หรือ จะทำเป็นชุดผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นสิว(เวชสำอาง) ชุดบำรุงเข้มข้น อะไรทำนองค่ะ แต่ก่อนจะทำแบบนี้ ควรทำสำรวจตลาดก่อนนะคะ ไม่งั้นออกมาอาจจะจอดมากกว่ารอดได้ค่ะ
2.4 ไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในแบรนด์ เช่น ปกติทำแต่กลุ่มครีมบำรุงผิว ก็เพิ่มกลุ่มเมคอัพมาอีกไลน์ ไม่ว่าจะเป็น ลิปสติก บลัชออน หรืออย่างตอนนี้ที่เราเห็นชัดๆ คือแบรนด์ร้านอาหาร ก็ขยับไลน์มาทำเครื่องสำอาง อาหารเสริมบำรุงสุขภาพก็หลายแบรนด์เลยแหละ
เนื่องด้วยช่วงอิ่มตัว ยอดขายสูง แต่ไม่ค่อยเติบโต ดังนั้นเพื่อให้กำไรยังคงเท่ากับช่วงเจริญเติบโต จึงมีความจำเป็นจะต้องลดต้นทุนลง อย่างที่หลายแบรนด์ชอบทำกัน เช่น การลดคุณภาพซึ่งไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ซึ่งถ้าคุณจะเดินทางนี้ก็ต้องทำให้เนียนกริ๊บแบบคนใช้สัมผัสไม่ได้ว่าเปลี่ยนเกรดวัตถุดิบมา(แต่ยังไงก็ตามวิถีนี้สักวันหนึ่งจะโดนแหกได้นะคะ) แต่จริงๆแล้วก็มีทางอื่นในการลดต้นทุนได้อีก เช่น ลดต้นทุนด้านการตลาดลงเพราะคนรู้จักกันแล้ว ประเภทว่ามองหาช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ที่ลงทุนต่ำ ค่าโฆษณายังไม่สูงมาก มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่เยอะๆ เช่น Tiktok เป็นต้นค่ะ
แม้จะไม่ได้เป็นการเพิ่มยอดขายโดยตรงนัก แต่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ทำให้เสียยอดขายไปให้คู่แข่ง และเค้าว่ากันว่าการรักษาลูกค้าเก่าทำได้ง่ายและใช้ทุนน้อยกว่าหาลูกค้าใหม่ วิธีรักษาฐานลูกค้าก็อย่าง เช่น โปรแกรม CRM หลังการขาย, การสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัล, การสื่อสารด้วย e-mail marketing หรือ Line OA เราสื่อสารกลุ่มลูกค้าเก่าให้ด้วยข้อมูลที่ดีมีประโยชน์ ลูกค้าไม่หนีเราไปไหนค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางในการรับเสียงจากลูกค้าตัวจริงที่ยังอยู่กับเราด้วยค่ะ
หลักการ P promotion ใน 4P มีอะไรควักออกมาให้หมดในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปร กระตุ้นยอดบ่อยๆ ลดแลกแจกแถมเข้าไป นัดเจอลูกค้าด้วยการ live สด ผ่านช่องทาต่างๆ บ่อยๆ ค่ะ ดาว tiktok เกิด เนื่องจากการ live อยู่เป็นประจำ แต่อย่างไรก็ตามต้องดูความเหมาะสมของแบรนด์ด้วยนะคะ ถ้าคุณสร้างแบรนด์มาแบบพรีเมี่ยม กลยุทธ์การกระตุ้นการขายก็ต้องสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ด้วยนะคะ อาจใช้หลักการมัดชุดขายราคาประหยัด กลยุทธ์โปรโมชั่นอันนี้ค่อนข้างใช้ได้ผลดี แต่ต้องกลั่นกรองหน่อยว่าจะต้องใช้คำว่าอะไรดี ต้องมีลีลาชั้นเชิงตามระดับของแบรนด์ (เช่นไฮแบรนด์ระดับโลกบางแบรนด์เวลาลดราคาเค้าไม่ได้เขียนโต้งๆว่า Sale นะ เดี๋ยวเสียลุคอะไรอย่างนี้)
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาก็เป็นทางเลือกที่คุณผู้อ่านน่าจะนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ เพื่อให้คงระยะของแบรนด์ในช่วงนี้ไว้ให้นานที่สุด ดีไม่ดีบางครั้งกิจกรรมที่ทำไปกลับกลายเป็นกระตุ้นให้แบรนด์มีโค้งขึ้นมาอีกระลอกกลายเป็นช่วงเติบโตอีกครั้งก็เป็นได้นะคะ ซึ่งหลายๆแบรนด์ต้องการโค้งแบบนี้ หรือบางแบรนด์ก็ใช้กลยุทธ์โค้งหลายลูกคลื่นแบบนี้แหละค่ะ
ปรึกษาเรื่องการผลิตครีม การผลิตเครื่องสำอาง ผลิตอาหารเสริม ได้ที่ พรีมา แคร์ เป็นโรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอางและอาหารเสริมที่มีคุณภาพและชำนาญการ เรามีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ในทุกความต้องการที่คุณคาดหวังค่ะ