หลายคนอาจบอกเราว่า “แหม ทุกคนก็อยากจะสวยและรวยอยู่แล้วแหละ พูดน่ะง่าย แต่ทำมันย๊ากยากนะคะ” งั้นพรีมา แคร์ขอยกตัวอย่างประสบการณ์บางส่วนมาเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนลองอ่านกันดูนะคะ
เริ่มจากเด็กมหาวิทยาลัยคนนึงที่ใกล้จะเรียบจบแล้ว กำลังมองหาอาชีพที่จะทำหลังจบออกไป จึงลองไปเดินงาน SME เพื่อดูว่ามีสิ่งไหนที่เค้าพอจะทำเป็นของตนเองได้บ้างในงบที่จำกัด เพราะไม่อยากเป็นลูกจ้างตามบริษัทอื่นๆ
เค้าเดินไปเรื่อยๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกอาหาร กระเป๋า เครื่องหนังและเครื่องสำอาง ณ ตอนนั้นหน้าเค้าเป็นรอยสิวและฝ้าค่อนข้างเยอะ เค้าเลยไม่ได้สนใจในอาชีพการเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง เพราะคิดว่าขนาดตัวเองยังไม่สวย แล้วจะขายเครื่องสำอางได้อย่างไร
แต่เมื่อเค้าเดินผ่านบูทของพรีมา แคร์แล้วลองหยิบแคตตาล็อคเหมือนทุกบูทที่ผ่านมา พนักงานในบูทได้เข้ามาสอบถาม ชักชวนให้ดื่มน้ำและนั่งพูดคุย เค้าก็บอกปัญหาว่าเค้าก็อยากทำธุรกิจนะแต่หน้าเค้าเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช้ครีมแพงหรือไปหาหมอคงไม่หาย พนักงานจึงให้คำแนะนำพร้อมสินค้าทดลองเป็นพิเศษเพื่อแก้ปัญหาที่เค้ามี แถมตบท้ายด้วยการบอกว่าการทำธุรกิจเครื่องสำอาง ถ้ามีสินค้าที่เห็นผลจริง วางแผนการตลาดไว้ดีๆ ทุกอย่างเวิคแน่ๆในงบที่จำกัดแบบเค้า
คืนนั้นเค้ากลับบ้านไปแล้วนึกถึงคำพูดของพนักงานขายพรีมา แคร์ จึงลองนำสินค้าตัวอย่างมาใช้ตามคำแนะนำ โดยไม่คาดหวังอะไร ปรากฎว่าผ่านไปอาทิตย์เดียวพวกรอยต่างๆที่เป็นปัญหาบนผิวหน้าเริ่มจางลงแบบเห็นได้ชัดเจน เค้าเลยโทรหาพนักงานขายคนนั้น เพื่อจะซื้อตัวอย่างกลับไปให้คนอื่นๆที่บ้านใช้ด้วย เพื่อดูว่ามันได้ผลจริงๆหรือเค้าคิดไปเอง
ผ่านไปหนึ่งเดือน เป็นช่วงที่เค้าเรียบจบพอดี เค้าเข้ามาปรึกษากับทีมงานขาย ทีมมาร์เก็ตติ้ง เพื่อร่วมกันวางแผนแนวทางการขายของเค้า เพราะด้วยวงเงินจำกัด เค้าไม่มีเงินจ้างพวกรีวิวหรือพรีเซนเตอร์ แต่ใช้ใบหน้าตนเองที่รอยดำ และฝ้าแลจางลงให้เห็นเป็น before-after ให้คนเห็นความแตกต่าง
เริ่มจากงบน้อยๆ วงเงินจำกัด แต่มีความตั้งใจจริง จนตอนนี้ผ่านไปแค่ 2 ปีลูกค้าท่านนั้นของพรีมา แคร์มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ มีการสร้างออฟฟิตเพื่อเป็นส่วนกลางในการประสานงาน เป็นนักธุรกิจที่สวยและรวยมาก ประหนึ่งเป็นอายุน้อยร้อยล้านเลยล่ะค่ะ