เทรนด์ Beauty Trend 2026 มาแรง! Athbeauty, Active Beauty และ Wellness Skincare จะมาพลิกวงการความงาม
2026 ไม่ใช่ปีของสกินแคร์ธรรมดาอีกต่อไป — แต่คือปีที่ความงาม ผิว สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และเทคโนโลยี จะรวมเป็นระบบเดียว
นี่คือจุดเปลี่ยนที่ Euromonitor เรียกว่า The Wellness Shift และ Mintel ระบุว่าเป็น “Functional Beauty Era”และถ้าคุณคือ เจ้าของแบรนด์ไทย… นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในรอบหลายปี

Beauty Trend 2026 ทำให้คำว่า “สวย” เปลี่ยนไปแบบพลิกเกมเลยค่ะเพราะตอนนี้ความงามไม่ได้จบแค่ “ผิวใส หน้าเรียว” อีกต่อไป แต่คือภาพรวมของ สุขภาพร่างกาย–สุขภาพจิต–ไลฟ์สไตล์ ที่เชื่อมกันทั้งระบบ หรือที่หลายคนเรียกว่า ความงามแนวสุขภาพ (Well-being / Holistic Beauty)
Euromonitor พูดถึงปรากฏการณ์นี้ว่า “The Wellness Shift” เพราะคนกว่า 70% เชื่อว่า “ความงามที่แท้จริง ต้องเริ่มจากความสมดุลด้านใน” ไม่ใช่แค่การแต่งหน้าหรือศัลยกรรมอีกแล้วพร้อมกันนั้น ตลาดสกินแคร์ทั่วโลกก็ยังโตต่อเนื่อง และในปี 2026 กลุ่มที่ต้องจับตาสุด ๆ คือ
Skincare 2026 สำหรับคนออกกำลังกาย
Athbeauty & Active Beauty
Wellness Skincare / Functional Skincare / Inside-out Beauty
และข่าวดีของเรา…เอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ถูกมองเป็นตลาดสำคัญของเทรนด์นี้ แปลว่า เจ้าของแบรนด์ไทยที่อ่านบทความนี้ทัน ถือว่าได้เปรียบสุด ๆ ค่ะ
ปีนี้ไม่ใช่เรื่องของ “ผิวขาว”, “ลดสิว”, หรือ “หน้าใส” อีกต่อไปแต่เป็นปีที่ความงามและสุขภาพรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างเป็นทางการ
72% ของผู้บริโภคมองว่าความงามเริ่มจาก สุขภาพจิต & การพักผ่อนคุณภาพ
64% เลือกแบรนด์ที่มีผลต่อสุขภาพผิวระยะยาวมากกว่า “ผลเร็วแต่พังง่าย”
แนวคิด Holistic Well-being กลายเป็นกระแสหลัก
ผู้บริโภคต้องการสกินแคร์ที่ “ทำงานได้จริง” และมีงานวิจัยรองรับ เช่น
ฟื้น Barrier
ลดการอักเสบ
ลด Oxidative stress จากการใช้ชีวิต
ลดผลกระทบจากความเครียด
ความงามกำลัง “สุขภาพจ๋า” มากขึ้น แบรนด์ต้องตอบโจทย์ การใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่ความสวย ยุคนี้… แบรนด์ไหนยังคิดแต่ “ทำครีมขาย” คือหลุดจากเกมทันที เพราะตลาดกำลังไปสู่ Beauty-as-a-Lifestyle System
เมื่อ “เหงื่อ” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความงาม สกินแคร์ยุคใหม่ของคนไม่หยุดนิ่ง Athbeauty มาจากคำว่า Athletic (นักกีฬา/แอคทีฟ) + Beauty (ความงาม) คอนเซ็ปต์ง่ายๆ ความงามที่แท้จริงคือ 'การใช้ชีวิตแบบแอคทีฟ' เพราะมันสร้างทั้งพลังงานและความมั่นใจให้เราค่ะง่ายยิ่งกว่านั้นอีกนะคะ! สกินแคร์ยุคนี้คือสิ่งที่ทำมาเพื่อ 'ทำงานร่วมกับร่างกายของเรา' จริงๆ เลยค่ะเช่น
ไม่ไหลเยิ้ม ทนเหงื่อ ทนความชื้นได้ดี
ไม่อุดตันใช้แล้วไม่ทำให้รูขุมขนตันเวลาเราเหงื่อออกเยอะๆ
ฟื้นฟูเร็ว ช่วยให้ผิวที่เจอทั้งแดด ฝุ่น และความร้อนจากการออกกำลังกายฟื้นตัวได้ไว
สมัยนี้เนี่ย การเข้าฟิตเนส, วิ่งมาราธอน, โยคะ, หรือแม้แต่ไตรกีฬา... มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้วค่ะตอนนี้คนรุ่นใหม่ (Gen Z และ Millennials) ที่ชอบออกกำลังกายมากๆ เขาเลยต้องการผลิตภัณฑ์ที่ "ตามทันกิจกรรม" ของเขา ไม่ใช้ครีมโบราณที่ใช้แล้วเยิ้มตอนวิ่ง! นี่แหละค่ะคือ Athbeauty!
แบรนด์ดังๆ ระดับโลกอย่าง
CliniqueFIT พัฒนาไลน์ “Sweat-proof & Cooling Skincare” เขาออกไลน์ กันเหงื่อและทำให้ผิวเย็น มาเพื่อคนออกกำลังกายโดยเฉพาะเลย
Lululemon Self-Care (แบรนด์ชุดโยคะตัวท็อป) ก็ทำสกินแคร์ออกมาขายดีมาก จนกลายเป็นสินค้าหลักไปแล้ว
Origins GinZing ก็เป็นที่รู้กันว่าช่วย "เติมพลัง" ให้ผิวที่ดูเหนื่อยล้าหลังออกกำลังกาย
จำไว้เลยว่า Athbeauty ไม่ได้ขายแค่ครีม... แต่มันขาย "วิถีชีวิตของคนที่รักและดูแลตัวเองจริงๆ" ค่ะ! แบรนด์ไหนทำสินค้าที่ใช้ได้จริงกับคนออกกำลังกาย ก็จะคว้าใจกลุ่มคนรักสุขภาพไปได้ก่อนใครเลย! ในบ้านเรา เทรนด์นี้ก็กำลังมาแรง โดยเริ่มจากพวกคลินิกและแบรนด์สกินแคร์ที่เน้น "วิทยาศาสตร์" ที่เจาะกลุ่มคนแอคทีฟโดยตรงเลยค่ะสินค้าที่ฮิตๆ คือ
Hydration Mist ที่เติมอิเล็กโทรไลต์ให้ผิ (เหมือนเติมเกลือแร่ให้ผิว)
Post-Workout Serum ที่ลดการอักเสบหลังออกกำลังกาย
Cleansing Gel สูตร pH Balanced ที่ไม่ทำลาย Microbiome ผิว
สรุป Athbeauty มาจากคำว่า Athletic + Beauty
คือแนวคิดสกินแคร์และเมกอัพที่ออกแบบมาสำหรับ คนใช้ชีวิตแบบ Active lifestyle เช่น เข้ายิม วิ่ง โยคะ ปีนเขา ปั่นจักรยาน หรือทำงานที่ต้องขยับตัวทั้งวัน
Athbeauty ไม่ได้ขายครีม... แต่ขาย "วิถีชีวิตของคนที่รักและดูแลตัวเองจริง ๆ" ต่างหาก!
ง่ายๆก็คือ Athbeauty มันคือการรวม "ผิวสวย" กับ "สุขภาพร่างกาย" เข้าด้วยกันแบบจริงจัง!แบรนด์ไหนที่เข้าใจและทำสินค้าที่ ใช้ได้ผลจริง กับคนชอบออกกำลังกาย... ชนะใจกลุ่มคนรักสุขภาพไปได้ก่อนใครแน่นอนค่ะ
ถ้าพูดแบบง่ายที่สุด Athbeauty คือ สกินแคร์สำหรับคนออกกำลังกายและคนที่เหงื่อออกบ่อย แต่ยังอยากผิวสวย สุขภาพดี ไม่อุดตัน ไม่เยิ้ม
คุณสมบัติของ Athbeauty Skincare ที่ต้องมีคือ
ไม่ไหลเยิ้ม ทนเหงื่อ ทนความชื้น
ไม่อุดตันรูขุมขน เหมาะกับคนที่เหงื่อออกระหว่างวัน
ฟื้นฟูผิวเร็ว หลังเจอแดด ฝุ่น ความร้อน หรือการเสียดสีจากชุดออกกำลังกาย
เน้นช่วย Skin barrier repair และลดการอักเสบของผิว
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ฮิตในหมวด Skincare 2026 กลุ่ม Athbeauty
Hydration Mist เติมความชุ่มชื้น + แร่ธาตุให้ผิว เหมือนเติมเกลือแร่หลังออกกำลังกาย
Post-workout skincare เช่น Post-workout serum ลดแดง ลดอักเสบ
Cleansing Gel สูตร pH Balanced ที่ไม่ทำลาย Microbiome ผิว (หรือ Microbiome Skincare)
CliniqueFIT – ทำไลน์กันเหงื่อ, กันน้ำ, ช่วยบำรุงผิวหลังออกกำลังกาย
Lululemon Self-care – จากแบรนด์เสื้อผ้าโยคะ สู่สกินแคร์สำหรับคนขยับตัวเยอะ
Origins GinZing – เน้นแนว “เติมพลัง” ให้ผิวเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตและการออกกำลังกาย
จุดสำคัญคือ Athbeauty ไม่ได้ขายแค่ “ครีมทาหน้า” แต่ขาย Lifestyle ของคนที่รักสุขภาพ รักการขยับตัว และอยากดูดีในแบบของตัวเอง
ในไทยเอง เทรนด์นี้เริ่มชัดใน
คลินิกผิวหนังที่จับกลุ่มคนออกกำลังกาย
แบรนด์เวชสำอางที่สื่อสารด้วยภาษาวิทยาศาสตร์ เน้นผลลัพธ์จริง
ใครที่คิดจะพัฒนาสูตรสกินแคร์สาย เทรนด์ Athbeauty 2026 สำหรับเจ้าของแบรนด์สกินแคร์
นี่คือหลักคิดง่าย ๆ
เน้นเนื้อบางเบา สบายผิว
กันเหงื่อ แต่ไม่อุดตัน
ฟื้นผิวเร็ว ลดอักเสบ ลดการเสียดสี
ผูกเรื่อง “ผิวแข็งแรง = ฟอร์มชีวิตที่ดีขึ้น

Active Beauty เนี่ย คือการอัปเกรดจาก Athbeauty อีกขั้น! มันไม่ได้มองแค่ผิวตอนออกกำลังกายแล้วแต่มองถึง "ผิวที่ต้องปรับตัวตลอดเวลา" ในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งตอนนั่งทำงานหน้าจอเจอ แสงสีฟ้า, เจอ มลภาวะ, หรือความเครียดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนเร็ว เขาเลยเน้น "สูตรอัจฉริยะ (Smart Formulation)" ที่ตอบสนองกับผิวได้แบบ Real-Time ให้ผิวเราพร้อมสู้กับทุกสภาพแวดล้อมได้ตลอดทั้งวันนั่นเอง!
ตัวอย่างของมันก็คือ
Adaptive Moisturizer ครีมปรับความชุ่มชื้น ตามอุณหภูมิผิวเรา
Anti-Pollution Barrier Cream ครีมสร้างเกราะกันมลภาวะ อย่าง PM2.5
Chrono Skincare สกินแคร์ที่ปรับการซึมซาบให้ตรงกับ เวลานอน ของเรา
แบรนด์ใหม่ ๆ เช่น Youth to the People, Drunk Elephant, และ Keys Soulcare ก็ใช้แนวคิดนี้ขาย "สมดุลชีวิต" พร้อมเน้นส่วนผสมที่ช่วยลด Cortisol (ฮอร์โมนความเครียด)แถมแพ็กเกจก็ต้องรักษ์โลกด้วย!
สรุป Active Beauty ไม่ใช่แค่ครีมทาผิว แต่มันคือ "ระบบดูแลผิวอัจฉริยะ" ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราแบบสุดๆ เลย! Active Beauty คือความสวยยุคใหม่! มันไม่ได้สนใจแค่ผิวตอนไปยิมแล้ว แต่เน้นที่ "ผิวต้องฉลาด ปรับตัวได้" สู้ได้ทั้งแสงสีฟ้า มลภาวะ และความเครียดตลอดวัน แบรนด์ที่มาถูกทางจะไม่ขายแค่ครีม แต่ขาย "ความสมดุลทั้งระบบ" ระหว่างผิว สุขภาพ และโลก โดยใช้ สูตรอัจฉริยะ (ที่ช่วยลดเครียด) และบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนค่ะ

ตอนนี้ปี 2026 เนี่ย คำว่า Wellness (สุขภาพดี) มันไม่ได้แปลว่าแค่ไปยิมหรือเข้าสปาแล้วนะคะ! แต่มันคือ "ระบบวงจร" ที่ต้องเชื่อมโยงสุขภาพกาย สุขภาพจิต และผิวพรรณเข้าด้วยกันทั้งหมดเลย! แนวคิดนี้มาพร้อมกับกระแส "Longevity Economy" (เศรษฐกิจอายุยืน) คือคนยุคใหม่เขาอยากมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ดังนั้น พวกเขาพร้อมจ่ายแพงขึ้นถึง 30–50% เพื่อผลิตภัณฑ์ที่ดูแลได้ครบทั้งร่างกาย อารมณ์ และความงามไปพร้อมๆ กันค่ะ
แบรนด์ระดับโลกที่สะท้อนภาพนี้ชัดเจนคือ
The Nue Co. (UK) ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม Gut–Skin Axis ที่เน้นเชื่อมโยง ลำไส้ เข้ากับ ผิว โดยตรง
Humanrace (by Pharrell Williams) — สกินแคร์ที่ออกแบบให้ดูแล “Mind–Skin Connection”เพื่อดูแล สุขภาพจิต กับ ผิว ไปพร้อมกัน
Three Japan ที่ใช้พวก Aromachology และ Mindful Beauty ในทุกผลิตภัณฑ์ความงามแบบช่วยบำบัดอารมณ์และสมดุลจิตใจของเรา ในทุกผลิตภัณฑ์
ตอนนี้ในเอเชียและไทยเองก็เริ่มแล้วค่ะ! Wellness System กลายเป็นสมรภูมิใหม่ของแบรนด์ไทยเลย
โดยเฉพาะการดูแลแบบ "สวยจากข้างในสู่ข้างนอก" (Inside-Out Beauty)
สกินแคร์ที่ใส่ Adaptogen (สารช่วยลดเครียดให้ผิว)
เวชสำอางที่ใช้เทคโนโลยี Bio-feedback วิเคราะห์พฤติกรรมการนอน
สกินแคร์เชื่อมกับอุปกรณ์ Wellness Tracker เพื่อวิเคราะห์ผิวแบบเรียลไทม์
คนยุคนี้ไม่ได้ซื้อแค่ครีมทาหน้า แต่ซื้อ "สุขภาพผิวที่ดีระยะยาว" ให้ชีวิตเลยค่ะ!
สรุป Wellness System คือจุดเปลี่ยน! เขาไม่ได้มองว่าผิวสวยคือแค่การทาครีมแล้ว แต่มองว่ามันคือ "ผลลัพธ์ของการใช้ชีวิตที่ดี" แบรนด์ไหนที่เชื่อมโยงความงามกับสุขภาพกายและใจได้... รับรองว่าคนรักสุขภาพเขา ยินดีควักเงินจ่ายแพงกว่า เพื่อให้ได้ผิวดีแบบอยู่ยาวแน่นอน!

จำไว้เลยนะคะ เทรนด์ Athbeauty, Active Beauty, และ Wellness System มีแกนกลางคือ "ความหมาย" แบรนด์ยุคนี้ถ้าอยากรอด ต้องมีจุดยืน! แบรนด์ในปี 2026เราต้องขาย Purpose (จุดมุ่งหมาย) ที่ไม่ใช่แค่ทาแล้วสวย แต่ต้องเป็นแบรนด์ที่คิดเหมือนลูกค้า (เช่น เน้นรักษ์โลก เน้นสุขภาพ)
วิธีทำให้ปัง
เล่าเรื่องให้เป็น! เชื่อมโยงสินค้าเราเข้ากับการดูแลสุขภาพจริง
โชว์เบื้องหลังวิทยาศาสตร์เจ๋งๆ บ้าง (เช่น เรื่องปรับสมดุลผิว)
ต้อง Position ตัวเองเป็น "แบรนด์ความงามที่เน้นฟังก์ชัน (ใช้งานได้จริง)" ไม่ใช่แค่แบรนด์เครื่องสำอางทั่วๆ ไป!
ยุคนี้มันเป็นยุคของ AI แล้วค่ะ! คุกกี้ตัวเก่าก็เริ่มหายไป ใครที่มี ข้อมูลลูกค้าของตัวเอง (First-party data) จะได้เปรียบสุดๆ!เราต้องใช้ช่องทางที่มี (เช่น Line OA หรือเว็บไซต์) เก็บข้อมูลประเภทผิว(Skin Type Segmentation)ของลูกค้าแต่ละคนให้ละเอียดเลยค่ะ
ไอเดียที่น่าทำ
เอา Chatbot / AI Recommendation มาช่วยวิเคราะห์ผิวและแนะนำสินค้าแบบ เฉพาะตัว (Personalized)
ทำ Dashboard ข้อมูลลูกค้า เพื่อปรับสูตรหรือจัดโปรโมชันให้ตรงใจเขาจริงๆ (Personalized Marketing)
ไหนๆ Wellness ก็กลายเป็นไลฟ์สไตล์ไปแล้ว แบรนด์เราต้องหาพันธมิตรค่ะ การจับมือกับ ฟิตเนส, สปา, หรือคลินิก จะช่วยสร้าง "ประสบการณ์จริง" (Experiential Marketing) ให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสสินค้าเราเลย
ไอเดียที่น่าทำ
ทำสินค้า ไซส์เล็ก ไปวางขายในฟิตเนส หรือสตูดิโอโยคะ
จัดโปรแกรม “Skin & Mind Detox” ร่วมกับ Wellness Clinic
ทำ Co-Branding กับแบรนด์สุขภาพอื่นๆ เช่น เครื่องดื่ม Functional Drink หรือเสื่อโยคะอัจฉริยะไปเลย

จำไว้เลยว่า! ปี 2026 วงการความงามจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เขาจะเลิกแข่งกันเรื่อง "ขาว" หรือ "ลดสิว" แล้ว แต่จะไปแข่งกันเรื่อง "สุขภาพผิว" "ชีวิตสมดุล" และ "ความเข้าใจมนุษย์" แทน แบรนด์ไหนที่เข้าใจเทรนด์ Athbeauty, Active Beauty, และ Wellness System จะไม่ได้แค่ขายดี แต่จะ อยู่รอดแบบยาวๆ เลยค่ะ! เพราะในอนาคต ความงามจะไม่ใช่แค่เรื่องผิว แต่คือ "การออกแบบสุขภาพชีวิตทั้งหมด" ที่สะท้อนตัวตนของลูกค้าแต่ละคนนั่นเอง ถ้าสินค้าคุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรสุขภาพของลูกค้าได้... แบรนด์คุณจะอยู่ในใจเขาไปตลอดกาลเลยค่ะ
Q1: Athbeauty ต่างจาก Active Beauty ยังไง?
A: ทั้งสองแนวคิดเน้นความสวยที่มาพร้อมสุขภาพ ง่ายๆ คือ Athbeauty จะเน้นของที่ใช้ ระหว่างหรือหลังออกกำลังกาย (เช่น ครีมกันเหงื่อหรือ Post-workout serum) ส่วน Active Beauty ครอบคลุมกว้างกว่า คือใช้สำหรับ ทุกคนที่ชีวิตไม่หยุดนิ่ง ตลอดทั้งวันนั่นเองค่ะ
Q2: Wellness Skincare เหมาะกับใคร?
A: เหมาะกับทุกคนเลยค่ะ โดยเฉพาะ คนรุ่นใหม่ที่เครียดจัด นอนน้อย ที่อยากได้ผิวดีแบบอยู่ยาว ไม่ใช่แค่สวยไวๆ แล้วก็พังง่ายๆ
Q3: ทำไมแบรนด์ต้องรีบทำ Skincare แนว Well-being ปีหน้า 2026?
A: เพราะลูกค้าไม่ได้อยากได้แค่ "ผิวขาวทันใจ" แล้วค่ะ แต่ต้องการ "ผิวดีจากข้างใน" แถมตลาดนี้กำลังโตเร็วมาก โตกว่า 7% ทุกปี เลยนะ! (อ้างอิง Euromonitor, 2025)
Q4: Athbeauty ใช้ส่วนผสมแบบไหนได้ผลดีที่สุด?
A: ต้องเน้นตัวที่ช่วย ฟื้นฟู และ ลดการอักเสบ ให้ผิวค่ะ เช่น Beta-glucan, Panthenol, Ceramide และสารสกัดพืชที่มีตัวช่วยต้านอนุมูลอิสระเยอะๆ
เจ้าของแบรนด์ที่อยากทำสกินแคร์ให้ตอบโจทย์เทรนด์ Athbeauty และ Wellness System
สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรที่มีประสบการณ์กว่า20ปี

โรงงานรับผลิตครีม อาหารเสริม เครื่องสำอาง (www.premacare.co.th) ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
พร้อมช่วยคุณพัฒนาสูตร และวางกลยุทธ์ให้ตรงกับเทรนด์ความงามยุคใหม่จริง ๆ
Prema Care We Care เพื่อนคู่คิดที่ดูแลคุณแบบห่วงใย ใส่ใจในทุกขั้นตอน
สนใจ สั่งผลิตอาหารเสริม ทำแบรนด์อาหารเสริม ปรึกษาเราเลย
รับรู้ข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Inbox Facebook : : m.me/PremaCare
Line: @premacare หรือ https://bit.ly/AddLinePremaCare
Tel : 080-810-8109
Website : https://www.premacare.co.th/
Facebook : https://www.facebook.com/PremaCare/
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
Euromonitor International (2024) – Global Beauty and Personal Care Outlook 2024–2026.
แหล่งสถิติยอดขายตลาดสกินแคร์ทั่วโลก และเทรนด์ “Athbeauty / Active Beauty / Wellness”
Mintel Report (2024) – Active Beauty and Wellbeing Trends.
รายงานวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z–Millennials ที่เชื่อมโยงความงามกับสุขภาพ
Vogue Business (2023) – “Beauty Meets Wellness: The Rise of Functional Skincare.”
ตัวอย่างแบรนด์ระดับโลก เช่น Lululemon Self-Care, The Nue Co., Humanrace
McKinsey & Company (2023) – The State of Beauty 2023.
รายงานแนวโน้ม “Holistic Beauty” และ “Purpose-Driven Brand” ที่ขยายตัวในเอเชีย
Statista (2024) – Global Skincare Market Value 2024–2028 Forecast.
สถิติมูลค่าตลาดสกินแคร์ทั่วโลกและอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR ~9%)
Forbes (2024) – “The Future of Beauty Is Active and Sustainable.”
ข้อมูลเทรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับ Wellness และ Sustainability
Harper’s Bazaar (2024) – “Inside the Athbeauty Movement.”
วิเคราะห์เทรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับสายออกกำลังกาย (Sweat-proof, Cooling, Skin Recovery)
The Guardian (2023) – “Longevity Economy and the Rise of Holistic Wellness.”
การเชื่อมโยงระหว่าง Longevity Economy และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นสุขภาพผิว
Vogue Thailand (2024) – “Wellness Beauty เทรนด์ที่ไม่ใช่แค่สวยแต่ต้องสุขภาพดี.”
มุมมองเทรนด์ความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย

รับรองคุณภาพตามมาตรฐานโรงงาน
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
สถานที่ตั้ง ส่วนโรงงาน
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
สถานที่ตั้ง ส่วนสำนักงาน (ออฟฟิศ) รับรองลูกค้า
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
เบอร์โทร ออฟฟิศ
02-886-3956 ถึง 57 กด 0เบอร์โทร ลูกค้าสัมพันธ์
0808-108-109วันทำการ
จันทร์ - เสาร์
เวลาทำการ
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์