ในยุคดิจิตัลการทำการตลาด โดยเฉพาะการตลาดดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ หรือสินค้าของคุณอยู่รอดได้แต่เครื่องมือทางการตลาดทุกวันนี้มีอยู่มากมายให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ วันนี้พรีมาแคร์ ขอแนะนำเครื่องมือทางการตลาดที่เหมาะสมกับการสร้างแบรนด์ครีม สร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง และการสร้างแบรนด์อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องมือหนึ่งที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจความงามและสุขภาพนี้ พรีมาแคร์ขอแนะนำ การใช้ Influencer จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก เปรียบเสมือนการใช้เส้นทางลัดที่ทำให้แบรนด์ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ด้วยจำนวนผู้ติดตามที่ Influencer มีอยู่ในมือ และความคิดเห็นของเขาหรือเธอที่แฟนๆ พร้อมที่จะฟังอยู่เสมอ หลายคนคงได้ยินชื่อของเจ้า Influencer ในช่วงที่ผ่านมา แต่หลายคนคงยังไม่ค่อยเข้าใจกับเจ้า Influencer ว่าคืออะไร ดีอย่างไร พรีมาแคร์จะบอกให้ฟังนะคะ
Influencer Marketing นั้นเป็นวิธีการตลาดแบบหนึ่งที่ใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภค แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการที่นักการตลาดหรือคนทำการตลาดไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือเอเจนซี่ไม่ได้เข้าใจบทบาทของ Influencer และคิดว่า Influencer นั้นคือช่องทางโฆษณาหรือช่องทางสื่อสารแบบหนึ่ง คิดเป็นเครื่องมือ แต่ไม่ได้มองเค้าเหล่านี้เป็นมนุษย์และคิดว่าเงินที่จ่ายไปจะทำให้ทุกอย่างได้ตามสมหวัง ซึ่งในความจริงแล้วผิดถนัด เพราะ Influencer ที่ดีย่อมมองอะไรที่มากกว่าเงิน และได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่ากับตัวเองและแบรนด์ขึ้นมา
ถึงตอนนี้คงไม่ต้องพูดถึงประโยชน์จากการใช้ Influencer กันอีกแล้ว เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องสามัญที่ใครๆ ก็ทำ แต่คำถามคือแบรนด์สามารถใช้งาน Influencer ได้ดีที่สุดหรือยัง
อินโฟกราฟิกชิ้นนี้จะเป็นไกด์ไลน์เบื้องต้นที่น่าจะช่วยแบรนด์จัดการกับ Influencer ได้ดีขึ้น ก่อนที่จะไปถึงประเด็นอื่นๆ เราควรตอบให้ได้ก่อนว่า Influencer คืออะไร? หลายๆ ธุรกิจในบ้านเราเลือกที่จะใช้ Influencer เพราะต้องการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ Influencer สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น เพราะอิทธิพลของ Influencer จะต้องส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม ความรู้สึกนึกคิด หรือการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยการสร้างคอนเทนต์ในประเด็นเฉพาะอย่างที่ Influencer แต่ละคนถนัด ถ้ายึดตามความหมายนี้ เราจะไม่มี Influencer ที่รีวิวสินค้าได้ทุกอย่าง หรือเป็นเป็นนักรีวิวแบบจับฉ่าย รับหมดทุกงาน แต่จะต้องมีความถนัดเฉพาะด้าน หรือเป็น Top of mind ของกลุ่มเป้าหมายในสินค้าประเภทต่างๆ
การทำตลาดโดยใช้ Influencer มีข้อดีอย่างไร? สถิติระบุว่า คนเพียงแค่ 3% สามารถสร้างผลกระทบได้ถึง 90% บนเว็บ และการใช้ Inflencer Marketing สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับแบรนด์ได้ถึง 650% นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วที่สุด และเป็นวิธีที่สร้างลูกค้ารายใหม่ได้เร็วที่สุดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ส่วนมากอาจจะมองหา Influencer ที่มีฐานแฟนจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ก็อย่าละเลยบล็อกเกอร์หรือนักรีวิวหน้าใหม่ที่เข้ามาในอุตสาหกรรม เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า การแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก (เพราะสิ่งที่ยากคือการรักษาชื่อเสียงนั้นไว้)
และข้อควรจำ (และทำ) อีกเรื่องก็คือ ให้เลือก Influencer เพราะคุณภาพของงาน ไม่ใช่ยอดการเข้าถึง หรือ Reach แต่เพียงอย่างเดียว เพราะคุณภาพของคอนเทนต์จะเป็นตัวตัดสินว่าแบรนด์ได้อะไรจากการใช้ Influencer นั้นๆ
แล้วแบรนด์จะเข้าถึง Influencer ได้อย่างไร?
อินโฟกราฟิกนี้แนะนำให้ติดต่อโดยตรงใน Contact บนเว็บไซต์ของ Influencer คนนั้น เมื่อเจอคอนเทนต์ที่ถูกใจ หรือค้นหาจากโซเชียลโปรไฟล์ รวมไปถึงการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่ต้องการ เพื่อนำไปสู่คอนเทนต์ และไปถึงตัวผู้สร้างคอนเทนต์ในที่สุด
พรีมาแคร์มีวิธีทำ Influencer ให้เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง แบรนด์ครีม แบรนด์อาหารเสริม ลองนำไปใช้กันดูค่ะ ด้วย 3 วิธีง่ายๆ
1. ทำการค้นคว้า : การทำงานที่ดีเริ่มจากการค้นคว้าหาข้อมูล เช่นเดียวกันในการทำงานร่วมกับ Influencer ที่ดีนั้นคือการค้นคว้าหาข้อมูลของ Influencer ที่จะเหมาะกับแบรนด์ ไม่ใช่ว่าจะเลือกใครจากตัวเลขที่โชว์ แต่ควรเลือกจากความโปร่งใสในการทำงาน ความน่าเชื่อถือ ความเหมาะสมกับแบรนด์ และมองถึงอนาคตในความสัมพันธ์ที่จะทำงานร่วมกันได้ ทั้งนี้เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วการได้คุยเพื่อเรียนรู้ Influencer นั้นถึงลักษณะนิสัย หรือ Lifestyles หรือทัศนคติต่าง ๆ ก็ช่วยได้ ซึ่งการคุยนั้นทางคนที่คุยกับ Influencer ก็ต้องแสดงความชื่นชมในสิ่งที่ Influencer นั้นทำ โดยแสดงถึงความจริงใจที่อยากจำทำงานร่วม หรือความจริงใจที่สนใจในการทำงานของ Influencer นั้น ๆ รวมทั้งการใช้คำถามที่ถูกต้องในการพูดคุยกับ Influencer ซึ่งนี้หากเป็น Influencer ที่มีคู่แข่งแย่งตัวจะทำงานด้วยนั้น จะทำให้คุณนั้นเหนือกว่าคู่แข่งทันที เพราะเป็นการสร้างความประทับใจในการทำงานร่วมกับ Influencer อีกด้วย
2. ความยืดหยุ่น : เมื่อคุณมีเรื่องราวที่อยากจะให้ Influencer นั้นทำงานหรือแนวคิดของงานแล้ว ลองปรึกษาหรือทำงานร่วมกับ Influencer โดยการอธิบายในสิ่งที่คุณคิดว่าอยากจะได้อะไรเป็นเป้าหมาย และเหลือช่องว่างที่จะให้ Influencer นั้นสามารถเสนอแนวคิด คำแนะนำหรือความเห็นเพิ่มเติม ซึ่งเพื่อการทำงานที่ลุล่วงประสบความสำเร็จแล้ว การให้ Influencer เป็นคนตัดสินใจว่าอยากจะทำอะไรในช่องทางตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่จะให้เค้าสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ และมีผลไปโน้มแนวเหล่าผู้คนที่ติดตามได้ด้วย เพราะนั้นเป็นการแสดงออกของ Influencer จริง ๆ ไม่ได้เป็นกาฝืนใจทำเพราะแบรนด์หรือนักการตลาดจ่ายเงินหรือขอร้องมา สิ่งที่เกิดขึ้นคุณจะได้การสื่อสารที่จริงใจมาก ๆ จาก Influencer ไปยังผู้บริโภค
3. สานสัมพันธ์อยู่ตลอด : เมื่อทำงานร่วมกับ Influencer แล้ว สิ่งที่ควรทำคือการพูดคุยกับ Influencer ในเรื่อง campaign ที่ทำว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผลเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี และจะปรับปรุงตรงไหนได้เพื่อให้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งจะทำให้ผลลัพท์นั้นดีขึ้นไปอีกได้ นอกจากนี้เมื่อ Campaign นั้นจบลง ก็ไม่ควรหยุดการติดต่อกับ Influencer แต่ควรทำการพูดคุยต่อในผลในการทำงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลองแชร์ค่าที่วัดได้ต่าง ๆ กับ Influencer เพื่อให้ Influencer ได้เห็นว่าผลงานที่ทำนั้นเป็นอย่างไร และสามารถปรับปรุงหรือสิ่งที่ทำนั้นดีมากแค่ไหน ซึ่งหากดีมากทางแบรนด์หรือเอเจนซี่ก็ควรต้องขอบคุณในการทำงานของ Influencer นั้น ๆ ซึ่งหากจะให้ดีไปกว่านั้นลองแชร์สิ่งที่ทำนั้นกับผู้มีอำนาจว่าการทำงานร่วมกับ Influencer แบบนี้นั้นดีตรงไหน และจะต่อยอดจากตรงนี้อะไรไปได้บ้าง ทั้งนี้บางที่นั้นนิยมที่จะสานสัมพันธ์กับ Influencer ไว้โดยการให้ของขวัญหรือการอวยพรในโอกาสพิเศษเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีแบบเพื่อนสนิทเอาไว้
ทั้ง 3 ข้อนี้เป็นหลักการเบื้องต้นที่ง่าย ๆ ในการทำงานร่วมกับ Influencer ให้ได้งานที่ดีทั้งตัวแบรนด์ และ Influencer ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เกิดขึ้นจากความพยายามสร้างความสัมพัน์ไปเรื่อย ๆ มอง Influencer นั้นเป็นมนุษย์ไม่ใช่เครื่องมือในการทำงาน แล้วจะทำให้คุณนั้นได้งานที่มีความทุ่มเทหรือได้มากกว่าสิ่งที่ต้องการออกไปจาก Influencer