ใครๆ ก็อยากลดความอ้วน ลดพุง ลดน้ำหนัก มาดู 5 ทริคพิชิตเอวโอเว่อร์ไซส์กันค่ะ
“โอ้ยยย น้ำหนักไม่ลงซักขีด ออกกำลังกาย นับแคลเหมือนเดิมเป๊ะ ทำไมน้ำหนักไม่ลดเลย กลับไปซัดปิ้งย่างจุกๆซะดีมั้ยเนี่ย!”
ใครกำลังเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างคะ อุตส่าห์ฮึดมีไฟกับกำจัดพุงใหญ่ ขาใหญ่ ตั้งใจลดแทบตาย ช่วงแรกๆก็ลดดีอยู่หรอก แต่พอเข้าเดือนที่ 2-3 น้ำหนักแทบไม่ลงเลย นิ่งมาก จนเริ่มท้อหรือจะกลับไปกินแหลกประชดซะเลย! แต่ช้าก่อนค่ะ อย่าเพิ่งสติแตกทำแผนลดน้ำหนักพัง การที่น้ำหนักนิ่งนั้น เพราะร่างกายคุ้นชินกับกิจกรรมการลดน้ำหนักแบบเดิม เช่น ควบคุมอาหารเหมือนเดิม จำกัดแคลอรี่ ออกกำลังกายเหมือนเดิม เมื่อร่างกายคุ้นชินกับกิจกรรมเหล่านี้ก็จะเริ่มเข้าสู่การสงวนพลังงาน เป็นการที่ร่างกายหยุดเผาผลาญพลังงานหรือเผาผลาญให้น้อยที่สุด ทำให้น้ำหนักของเราไม่ลดลง เรียกว่า ภาวะน้ำหนักนิ่ง (Hit the plateau) หรือ สภาวะหิดปลาทู ซึ่งใครที่เจอแบบนี้คงเกิดอาการท้อเอาได้ วิธีเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป หากอยากให้น้ำหนักลดต่อ พรีมา แคร์ ในฐานะโรงงานรับผลิตอาหารเสริม บริษัทสร้างแบรนด์อาหารเสริม แลปทำแบรนด์อาหารเสริม ขอแนะนำ วิธีเหล่านี้ เพื่อลดพุง ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน สลายพุง กันดูค่ะ
1. ลดแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลงอีก
เราควรทานแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน แต่งดหรือจำกัดปริมาณในมื้อเย็น สำหรับชนิดของคาร์โบไฮเดรตนั้นควรเลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวไม่ขัดสีต่างๆ ขนมปังโฮลวีท เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้นช้า ๆ รู้สึกอิ่มได้นาน ลดความอยากอาหารและช่วยลดความหิวได้ สำหรับมื้อเย็นแนะนำให้เน้นทานอาหารกลุ่มโปรตีนและผักใบเขียวทดแทนอาหารกลุ่มแป้ง
ซึ่งจากงานวิจัยหลายอย่างค้นพบแล้วว่า การกินอาหารแบบลดแป้ง มีผลต่อการลดน้ำหนักอย่างมาก โดยให้ผู้ทดลองกินคาร์โบไฮเดรตวันละไม่เกิน 50 กรัม จะทำให้ลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ลดน้ำหนักแบบคุมแคล ออกกำลังตามปกติอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งถ้าอยู่ในภาวะลดน้ำหนักไม่ลง การค่อยๆ ลดจำนวนคาร์โบไฮเดรตลงอีก จะทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบเผาผลาญให้ทำงานมากขึ้น จึงทำให้น้ำหนักขยับลงได้ค่ะ
2. กินอาหารประเภทโปรตีน ให้เยอะขึ้นกว่าเดิม
ในภาวะปกติที่ร่างกายไม่ได้อยู่ในสภาวะอดอาหารหรือขาดอาหารอย่างรุนแรง ร่างกายจะไม่มีการนำโปรตีนมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือนำโปรตีนไปเป็นแหล่งพลังงาน เพราะร่างกายสามารถได้รับพลังงานอย่างเพียงพอจากสารอาหารกลุ่มแป้งและไขมันแล้ว ดังนั้นอาหารกลุ่มโปรตีนจำพวกเนื้อสัตว์จึงไม่ได้เป็นสาเหตุของความอ้วน แต่เนื่องจากในเนื้อสัตว์มีชั้นไขมันแทรกอยู่ การกินเนื้อสัตว์ที่ติดมันหรือมีไขมันแทรก อาจเป็นสาเหตุของแคลอรี่ที่เกินได้และทำให้อ้วนได้
ดังนั้น หากต้องการน้ำหนัก แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์ชนิดที่มีไขมันต่ำ ตัวอย่างเช่น เนื้ออกไก่ เนื้อสันในหมู ไข่ขาวต้ม จะช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึ่มได้มากกว่าไขมันและคาร์โบไฮเดรตถึง 20-30% อีกทั้งโปรตีนยังกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนที่ดับความหิว ทำให้อิ่มนานอีกด้วย ที่สำคัญยังช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย เพราะหากกล้ามเนื้อลด ระบบเผาผลาญก็ลดเช่นกัน ดังนั้นกินเนื้อเข้าไว้ค่ะ
3. กินไฟเบอร์ให้มากขึ้น กินทุกวันยิ่งดี
หลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าการรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ รวมถึงธัญพืชและถั่วชนิดต่างๆ จะช่วยให้เซลล์ร่างกายแข็งแรงขึ้น กล้ามเนื้อกระชับ ผิวหนังเต่งตึง แถมยังมีไฟเบอร์สูง ยิ่งในช่วงลดน้ำหนัก เราจะหิวบ่อยขึ้น อยากกินโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา ถ้าเรากินอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงๆ เราจะสามารถควบคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้น เมื่อมีเส้นใยอาหารไปกินพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร เราก็จะรู้สึกอิ่มเร็วและนานขึ้น
อีกทั้งไฟเบอร์ยังช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหาร การดีท็อกซ์ ล้างพิษในลำไส้เป็นหลักค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าร่างกายเรามีระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น ก็จะยิ่งช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง แต่ก็ควรระวังไม่เลือกรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัดจนเกินไป จากงานวิจัยนึงบอกว่า แค่กินไฟเบอร์เฉลี่ย 18-36 กรัม ต่อวัน ก็ทำให้เรากินอาหารได้น้อยลง 130 แคลอรี่แล้ว ฉะนั้นเราจึงควรกินผักผลไม้ทุกวันนะคะ
4. กินอาหารเป็นช่วงเวลา Intermittent fasting
Intermittent Fasting หรือ IF มันคือ การกินแบบจำกัดช่วงเวลา ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่คนทั่วโลกนิยมใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว แถมยังเป็นวิธีลดน้ำหนักฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยจะแบ่งเวลาการกินออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงอด (Fasting) ช่วงกิน (Feeding) ซึ่งช่วงเวลายอดฮิตที่สาวๆ ชอบทำคือ 16/8 (อด 16 กิน 8)
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทุกวันเราตื่นนอนประมาณ 8 โมงเช้า แล้วเริ่มต้นกินอาหารเช้าตอน 9-10 โมง นั่นแสดงว่านับจากนี้อีก 8 ชั่วโมง เราสามารถกินอาหารได้ตามปกติไปจนถึง 5-6 โมงเย็น หลังจากนั้นอีก 16 ชั่วโมง จะเป็นช่วงเวลาของการงดอาหารที่มีแคลอรี่โดยเด็ดขาด แต่ดื่มน้ำเปล่า ชา หรือกาแฟดำได้ และเมื่อถึงตอน 9-10 โมงเช้าของอีกวันก็จะสามารถกลับมากินอาหารได้ตามปกติ ซึ่งหมายความว่า 16 ชั่วโมงที่เราต้องงดอาหารนี้จะรวมถึงชั่วโมงพักผ่อนของเราไปด้วย โดยมีรีวิวมากมายว่าช่วยให้ลดน้ำหนัก ลดไขมันในร่างกายได้จริง
และมีงานวิจัยหลายชิ้นบ่งบอกว่า การทำ IF 3-24 สัปดาห์ ก็น้ำหนักลดไปได้ 3-8% และรอบเอวลดลง 3-7% เลยทีเดียว ซึ่งการกิน IF จะช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อไม่ให้หดหาย หากเป็นคนกินทั้งวันได้เรื่อยๆ ลองปรับเวลากินดูนะคะ แค่เปลี่ยนเวลากินเท่านั้น ร่างกายของเราก็จะตอบสนองต่างไปจากเดิมแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นการลดน้ำหนักด้วยวิธี IF อาจไม่เหมาะกับสภาพร่างกายของทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน และต้องปรับช่วงเวลาให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์หรือการทำงานของแต่ละคนด้วย
5. ทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ได้มาตรฐาน GMP
เมื่อพูดถึงอาหารเสริม หลายคนอาจจะมองเรื่องอาหารเสริมที่ทำให้ความอยากอาหารน้อยลง ซึ่งอาจจะสุ่มเสี่ยงมีสารประกอบเป็นยาอันตราย จนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อร่างกาย ฉะนั้นจึงต้องเลือกซื้อให้ดี ไม่ส่งผลข้างเคียง โดยต้องได้รับ อย. และผลิตโดยโรงงานมาตรฐาน GMP เท่านั้น และมีส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งมีสารสกัดที่ช่วย Block Burn Build เพิ่มการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี (ดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม FT-FMP 46 และ FT-FMP 48 )
Block
สารสกัดถั่วขาว (White Kidney Bean) ซึ่งสารสกัดถั่วขาวมีสารสำคัญชื่อว่า ฟาซิโอลามิน (Phaseolamin) ที่จะเข้าไปยับยั้งการทำงาน ของเอนไซน์อัลฟ่าอะไมเลส ได้มากกว่า 50% ทำให้ปริมาณการสร้างน้ำตาลจากแป้งนั้นลด ลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ ช่วยลดการ สะสมไขมัน เนื่องจากการสร้างน้ำตาลที่มาจาก คาร์โบไฮเดรตลดลงกว่า 50% ทำให้เกิดไขมันลดลงไป และนอกจากนั้นยังทำให้รู้สึกอิ่มท้องโดยไม่ต้องอดอาหารอีกด้วย
Burn
สารสกัดพริกไทยดำ (Black paper) มีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านความอ้วน เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารไพเพอร์รีน (piperine) และยังมีจุดเด่นในเรื่องของความฉุนและความเผ็ดร้อนแบบจัดจ้านแล้ว ช่วยในการควบคุมยีนส์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการก่อตัวของเซลล์ไขมันใหม่ให้ลดลง พร้อมกับทำลายเซลล์ไขมันเก่าที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย พร้อมกับควบคุมการเกิดขึ้นใหม่ของเซลล์ไขมันทำให้ผอมลงและกลับมาอ้วนอีกยากขึ้น
และสารสกัดพริกขี้หนูสวน (Bird chiili Peper Extract) มีสารสำคัญ คือ แคปไซซิน ซึ่งเป็นสารก่อความร้อนในร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดี จึงมีส่วนช่วยให้น้ำหนักของเราลดเร็วขึ้น อีกทั้งพริกยังมีกรดแอสคอร์บิก ที่ช่วยเร่งให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานได้
Build
แอลคาร์นิทีน (L-carnitine) เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองที่ตับและไตจากกรดอะมิโนสองตัวที่มีชื่อว่า Lysine และ Methionine ซึ่งร่างกายนำไปใช้ในกระบวนการดึงไขมันเข้าไปสร้างเป็นพลังงาน แอลคาร์นิทีนจึงมีบทบาทสำคัญต่อขบวนการสลายกรดไขมันในร่างกาย แต่หลายคนมักเข้าใจว่าช่วยในการลดน้ำหนักได้โดยตรง แต่จริงๆแล้วประโยชน์ของแอลคาร์นิทีนที่มีผลยืนยันทางวิทยาศาสตร์นั้นคือ ช่วยลดมวลไขมัน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และลดความเหนื่อยล้า โดยร่างกายจะได้รับแอลคาร์นิทีนจากการรับประทานอาหารจำพวกกลุ่มเนื้อแดง ถั่ว อโวคาโด
แต่จะให้ทานอาหารทั้งหมดที่กล่าวมานี้ หรือพริกสด ๆ ก็คงไม่ไหวใช่มั้ยละคะ ฉะนั้นใครอยากใช้อาหารเหล่านี้ ในการช่วยลดน้ำหนัก ลองหันมาทานในรูปแบบสารสกัดดูก็ได้นะคะ
สนใจสร้างแบรนด์ทำแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กับเรา บริษัทพรีมา แคร์ - โรงงานรับผลิตอาหารเสริม สร้างแบรนด์ทำแบรนด์อาหารเสริม สอบถามได้ที่ @premacare
ที่มา
https://health.kapook.com/view1599.html
https://www.lovefitt.com/healthy
https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/lcar-increase-muscle-reduce-fat