เผย ครีมVSมอยเจอร์ไรเซอร์ทาอะไรก่อน? เคลียร์ทุกข้อสงสัย!

ทาอะไรก่อนระหว่างครีมกับมอยเจอร์ไรเซอร์? คำถามที่หลายคนยังสับสน! เรามีคำตอบกระชับ เข้าใจง่าย พร้อมลำดับการทาสกินแคร์ที่ถูกต้อง ตรงจุด เห็นผลจริง!

"ทาอะไรก่อนระหว่างครีมกับมอยเจอร์ไรเซอร์?"

เป็นคำถามที่คนรักผิวเกือบทุกคนเคยสงสัย บทความนี้จะช่วยคุณเคลียร์ความเข้าใจเกี่ยวกับลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว พร้อมเทคนิคการทาสกินแคร์ให้ได้ผลจริง รวมถึงแนะนำวิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์และครีมที่เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท

การบำรุงผิวพรรณให้แลดูสดใส กระจ่างใส มีน้ำมีนวลนั้น นอกจากการดูแลเรื่องการกินและการนอนให้เพียงพอแล้ว การใช้ครีมบำรุงผิวก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ เพราะการทาครีม โดยเฉพาะมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นการให้ความชุ่มชื้นและสารอาหารแก่ผิวโดยตรง อย่างไรก็ตามหลายคนมักจะประสบปัญหาว่า ทาครีมเข้าไปแล้วแต่ผิวไม่ค่อยจะดูดซึมเท่าที่ควร จึงทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากครีมบำรุงอย่างเต็มที่นัก วันนี้เรามารวบรวมเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครีมบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


จะทาอะไรก่อน มาทำความรู้จักกับชั้นโครงสร้างของผิวกันก่อน

เรามาทำความรู้จักชั้นผิวของเรากันก่อนนะคะ ผิวของเราประกอบไปด้วย 3 ชั้น ได้แก่


1. ผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)

ซึ่งอยู่นอกสุดเป็นเหมือนกำแพงผิวช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และสิ่งแวดล้อมที่มาทำร้ายผิว ไม่ว่าจะเป็น สารเคมี หรือแบคทีเรียต่างๆ


2. ผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis)

ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เพราะมีคอลลาเจนและอีลาสติน อยู่ได้ด้วย hyaluronic acid (มอยเจอร์ไรเซอร์ชั้นดี)เป็นตัวอุ้มน้ำและดูดน้ำได้ดี 


3. ผิวหนังชั้นไขมัน (Subcutis)

ซึ่งครีมบำรุงผิวโดยทั่วไปจะบำรุงได้แค่ผิวชั้นนอกนะคะน้อยมากที่จะซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นในค่ะ แต่ถ้าเราบำรุงได้ถูกวิธีก็มีโอกาสที่สารบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์จะซึมสู่ผิวหนังได้ง่ายและมีประสิทธิภาพค่ะ

ทาอะไรก่อนดี ครีม VS มอยเจอร์ไรเซอร์ มาดูโครงสร้างผิวกันก่อน

 


ครีม กับ มอยเจอร์ไรเซอร์ คืออะไร และต่างกันอย่างไร?

เมื่อพูดถึงการบำรุงผิว หลายคนอาจใช้คำว่า “ครีม” และ “มอยเจอร์ไรเซอร์” แทนกันโดยไม่รู้ว่าทั้งสองมีวัตถุประสงค์ในการดูแลผิวที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งความเข้าใจผิดนี้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการดูแลผิวโดยรวม เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ผิดลำดับหรือผิดประเภท อาจทำให้ผิวไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

ในหัวข้อนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ครีม (Cream) และ มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) คืออะไร แต่ละประเภทมีหน้าที่หลักในการบำรุงผิวอย่างไร แตกต่างกันตรงไหน และเหมาะกับการใช้ในช่วงเวลาใดของกิจวัตรการดูแลผิว

 

ครีม (Cream) คืออะไร?

ครีม เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น มักผสมสารออกฤทธิ์เฉพาะ เช่น วิตามิน C, Retinol, Niacinamide, AHA/BHA หรือ Peptide ต่าง ๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อการบำรุงเฉพาะทาง เช่น ลดริ้วรอย, ฟื้นฟูผิว, ลดจุดด่างดำ หรือเพิ่มความกระจ่างใส

 

มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) คืออะไร?

มอยเจอร์ไรเซอร์ คือผลิตภัณฑ์พื้นฐานที่ช่วยเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และผิวบอบบางแพ้ง่าย

 

 

ตารางเปรียบเทียบ: ครีม VS มอยเจอร์ไรเซอร์

ตารางเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่าง ครีม VS มอยเจอร์ไรเซอร์
หัวข้อ

ครีม (Cream)

มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer)

วัตถุประสงค์หลัก บำรุงเฉพาะทาง เช่น ลดริ้วรอย ผิวกระจ่างใส เติมความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิว
ความเข้มข้น เข้มข้นกว่า ซึมช้ากว่า เบากว่า ซึมง่ายกว่า
ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ ข้น หนา อาจมีสารออกฤทธิ์เฉพาะ ตามลักษณะปัญหาผิว มักอยู่ในรูปแบบครีมหรือเจลใส และมักจะไม่มีสารสำคัญที่ระคายเคืองผิว
เวลาใช้ที่เหมาะสม ได้ทั้งเช้า-เย็น มีบางสูตรที่ทาได้เฉพาะก่อนนอนเท่านั้น เช่น ครีมผสมเรตินอล ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็น ทาทั่วใบหน้า เพื่อป้องกันปัญหาผิวหน้ามัน ผิวหน้าแห้งลอกเป็นขุย

 

สรุปคำตอบ: ครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ ทาอะไรก่อน?

ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ก่อน แล้วตามด้วยครีม
เพราะมอยเจอร์ไรเซอร์มีหน้าที่เติมน้ำและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการดูดซึมสารบำรุงจากครีมได้ดีขึ้น ส่วนครีมมักมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นและออกฤทธิ์เฉพาะ จึงควรใช้เป็นลำดับหลังเพื่อ “ล็อก” ความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ในผิว


ลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องตามหลักแพทย์ผิวหนัง

หลายคนมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์หลากหลายชิ้นวางเรียงอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง แต่กลับไม่แน่ใจว่าควรใช้ลำดับอย่างไรถึงจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด บางครั้งใช้ของดีแต่ไม่ได้ผล เพราะลำดับที่ลงผิดอาจทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงได้น้อย หรือผลิตภัณฑ์ตีกันเองจนเกิดสิวอุดตัน

ในทางการแพทย์ผิวหนัง ลำดับการลงสกินแคร์จึงมีความสำคัญมาก โดยต้องเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีโมเลกุลเล็กและซึมง่ายก่อน แล้วจึงตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงหรือเนื้อหนัก ซึ่งจะช่วย “ล็อก” ความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ในชั้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

ลำดับต่อไปนี้คือแนวทางที่แนะนำโดยแพทย์ผิวหนังทั่วโลก:

 

ลำดับการทาสกินแคร์ที่ถูกต้องตามหลักแพทย์ผิวหนัง
ลำดับ ผลิตภัณฑ์ หน้าที่
1 Cleanser ทำความสะอาดผิว
2 Toner ปรับสมดุล pH ของผิว และเตรียมผิวให้ชุ่มชื้น ก่อนทาสกินแคร์ลำดับถัดไป
3 Serum บำรุงเฉพาะทาง เช่น ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส
4 Moisturizer เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
5  Cream บำรุงเฉพาะทาง ในปัญหาผิวที่ต้องการ
6 Sunscreen(เฉพาะตอนเช้า) ป้องกันผิวจากรังสี UV

เคล็ดลับเพิ่มเติม: หากมีหลายชั้นของสกินแคร์ ให้นึกถึง “บาง → หนัก” หรือ “น้ำ → น้ำมัน” เป็นหลัก เช่น
เซรั่มที่บางเบาก่อน → มอยเจอร์ไรเซอร์ → ครีมที่เข้มข้น → ครีมกันแดดในตอนเช้า

การจัดลำดับสกินแคร์ให้ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาผิว เช่น การอุดตัน การระคายเคือง และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่คุณลงทุนซื้อมา “ทำงานได้เต็มที่” มากยิ่งขึ้นนั่นเอง


วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ไม่ได้มีแค่ “ซื้อตัวที่คนอื่นรีวิว” แล้วหวังว่าจะได้ผลเหมือนกันทุกคน เพราะสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ “เหมาะกับผิวตัวเอง” จึงสำคัญที่สุด หากเลือกผิดอาจทำให้ผิวอุดตัน เกิดสิว หรือแพ้ระคายเคืองได้ง่าย

โดยทั่วไป ผิวของคนเราจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็ต้องการเนื้อสัมผัสและสารบำรุงที่แตกต่างกัน ดังนี้:

มอยเจอร์ไรเซอร์เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
ประเภทผิว มอยเจอร์ไรเซอร์ที่แนะนำ
ผิวมัน เจล, Oil-free, มี Hyaluronic Acid เป็นส่วนประกอบ
ผิวแห้ง เนื้อครีมต้องเข้มช้น, มี Ceramide, Shea Butter เป็นส่วนประกอบ
ผิวผสม เนื้อครีมที่บางเบา หรือ อิมัลชั่น ช่วยบาลานซ์ ความชุ่มชื้นจากน้ำกับน้ำมันให้ผิว
ผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื้อครีมชนิดเดียวกับผิวแห้ง แต่ ไม่ควรมีน้ำหอม, แอลกอฮอล์ และควรจะปราศจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง

การเข้าใจประเภทผิวและเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ หากเลือกได้เหมาะสมจะช่วยให้ผิวแข็งแรง ดูอิ่มน้ำ และลดปัญหาผิวเรื้อรังได้ในระยะยาว

heartอ่านบทความ: วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว


เคล็ดลับการลงสกินแคร์ให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจน

การลงสกินแคร์ไม่ใช่เพียงแค่ “ทาแล้วจบ” เพราะแม้จะเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพดีแค่ไหน แต่หากวิธีใช้ไม่ถูกต้อง ก็อาจทำให้ผิวดูดซึมไม่เต็มที่ หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด เช่น สิวอุดตัน รอยแดง หรือผิวแห้งลอก

นี่คือเคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำ เพื่อให้การลงสกินแคร์ของคุณเห็นผลชัดเจนและปลอดภัย:

1. ทาทีละชั้น รอให้แต่ละผลิตภัณฑ์ซึมก่อน (ประมาณ 30–60 วินาที)

การรีบลงผลิตภัณฑ์ซ้อนกันหลายชั้นอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ผสมกันจนเกิด “Pilling” หรือจับตัวเป็นขุย รวมถึงลดประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ การเว้นช่วงเล็กน้อยระหว่างชั้นจะช่วยให้ผิวดูดซึมได้ดีขึ้น

2. ใช้ปริมาณที่พอเหมาะ (ไม่มากเกินหรือขาดเกิน)

การใช้มากไปไม่ได้ช่วยให้ได้ผลเร็วขึ้น แต่กลับอาจอุดตันรูขุมขน ควรใช้ตามที่แนะนำ เช่น ขนาดเมล็ดถั่วเขียวสำหรับเซรั่ม หรือขนาดเมล็ดถั่วลิสงสำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์

3. ทาบริเวณลำคอร่วมด้วย

คอล้วนเป็นบริเวณที่แสดงอายุได้ง่าย หากละเลย อาจเกิดริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกับผิวหน้า และทาจากล่างขึ้นบนเพื่อช่วยยกกระชับ

4. ใช้อย่างต่อเนื่องทั้งเช้า-เย็น

การใช้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวมีความเสถียรและแข็งแรง ไม่แนะนำให้เว้นช่วงหรือใช้แบบไม่สม่ำเสมอ เพราะจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง

5. อย่าลืม “กันแดด” เป็นด่านสุดท้ายเสมอในตอนเช้า

แม้ว่าคุณจะบำรุงผิวดีแค่ไหน หากไม่มีเกราะป้องกันจากรังสี UV ผิวก็ยังเสี่ยงต่อริ้วรอย จุดด่างดำ และการเสื่อมสภาพก่อนวัย ควรเลือกกันแดด SPF 30+ ขึ้นไป และทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงหากออกกลางแจ้ง

yes Bonus Tip: หากต้องการให้สกินแคร์ซึมดีขึ้น แนะนำให้ “วอร์ม” ผลิตภัณฑ์ด้วยมือก่อน แล้วกดเบา ๆ ลงบนผิว แทนการถูแรง ๆ


7 เคล็ดลับการทาครีมบำรุงผิวและมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี

เคยไหม? ลงสกินแคร์หลายขั้นตอน ใช้ครีมราคาสูงแต่กลับไม่รู้สึกว่าผิวดีขึ้น นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาที่ผลิตภัณฑ์ แต่คือ “วิธีการลง” และ “การเตรียมผิว” ที่ยังไม่ถูกต้อง

เพราะการดูแลผิวไม่ใช่แค่ทา แต่ต้อง "ทาอย่างมีเทคนิค" เพื่อให้สารบำรุงสามารถซึมลึกสู่ผิวได้จริง บทความนี้จึงรวม 7 เทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณทาครีมและมอยเจอร์ไรเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด:

1. Exfoliate อย่างเหมาะสม เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

ผิวของเราผลัดเซลล์เองตามธรรมชาติทุก 28 วัน แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการนี้จะช้าลง ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุให้ครีมไม่สามารถซึมลงสู่ผิวได้ดี

วิธีแก้:
ใช้ผลิตภัณฑ์ Exfoliate เช่น สครับอ่อนโยน หรือสกินแคร์ที่มี AHA, BHA เป็นประจำสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง เพื่อเปิดทางให้ครีมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น

smiley ระวัง! ห้ามขัดผิวบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางหรือระคายเคืองได้


2. วอร์มผิวให้อุ่นก่อนลงสกินแคร์

รูขุมขนจะขยายตัวเมื่อสัมผัสความร้อน ซึ่งจะช่วยให้ครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ซึมซาบได้ดีขึ้น

smiley วิธีทำ:


3. ทาครีมทันทีหลังล้างหน้าในขณะที่ผิวยังชื้น

ผิวที่ยังมีความชื้นจะช่วยดูดซึมสารบำรุงได้ดีกว่าผิวที่แห้งสนิท เพราะน้ำช่วยเปิดช่องทางให้สารบำรุงเข้าสู่ผิว

smiley เคล็ดลับ:
หลังล้างหน้า ให้ทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ภายใน 3–5 นาที ก่อนที่ผิวจะแห้ง


4. ทาผลิตภัณฑ์จากเบาไปหนัก (Water-based → Oil-based)

เพื่อให้การซึมผ่านผิวมีประสิทธิภาพสูง ควรเรียงลำดับจากเนื้อบางเบา → เข้มข้น เช่น:

หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบ Emulsion หรือ เซรั่มแบบน้ำมันในน้ำ (น้ำมันซ่อนในโมเลกุลน้ำ) ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผิวผสม


5. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี Penetration Enhancer (PE)

Penetration Enhancer คือสารช่วยเปิดช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว ทำให้ครีมซึมลึกขึ้น เช่น:

smiley ข้อควรระวัง: หากเลือกสาร PE ที่แรงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือหน้าบางในระยะยาว ควรเลือกสูตรที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัย


6. ใช้ Active Ingredient ที่มีโมเลกุลเล็ก

ยิ่งโมเลกุลของสารบำรุงเล็กเท่าไหร่ ยิ่งซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น เช่น:

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Encapsulation ที่ช่วยให้สารไม่เสื่อมสภาพเร็ว และลดการระคายเคืองขณะซึมเข้าสู่ผิวได้อีกด้วย

ตัวอย่างสูตรแนะนำ: CSP 81 Retinol Sleeping Mask– สารบำรุงเข้มข้นที่ซึมเร็วแต่ไม่ระคายเคือง


7. อย่าลืม “มอยเจอร์ไรเซอร์” แม้คุณจะมีผิวมัน

ความเข้าใจผิดที่ว่า “ผิวมันไม่ต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์” นั้นไม่ถูกต้อง เพราะทุกสภาพผิวต้องการความชุ่มชื้น

มอยเจอร์ไรเซอร์มีหน้าที่:

ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิว เช่น
ผิวมัน → สูตรเจล / Oil-Free
ผิวแห้ง → สูตรครีมเข้มข้น


สรุปเทคนิคให้ครีมซึมดีขึ้น

เมื่อปฏิบัติได้ครบ ผิวของคุณจะดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว สุขภาพดีแบบยั่งยืนแน่นอนค่ะ


อยากเริ่มต้นแบรนด์ครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์?

Prema Care คือโรงงานรับผลิต OEM/ODM เครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก:

สนใจเริ่มต้นแบรนด์ของคุณ ติดต่อ Prema Care ได้ที่

Line: @premacare

โทร. 0808-108-109


สรุปอีกครั้ง: ทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนดี?

✅ ตอบชัดเจนอีกครั้ง: มอยเจอร์ไรเซอร์ควรทาก่อนครีม
เพื่อเตรียมผิวให้ดูดซึมสารบำรุงในครีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวได้นานขึ้น


แหล่งข้อมูลอ้างอิง (Reference)

  1. Healthline – “What Is the Correct Order to Apply Skincare Products?”

  2. Medical News Today – “Moisturizer: Types and how to choose”

  3. Premacare บทความ
    - Moisturizer แนะนำสำหรับแต่ละสภาพผิว
    - วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว

ผลิตภัณฑ์แนะนำ

CKP 01 พี.ซี. เซลามายด์ พลัส ครีม P.C. CERAMIDE PLUS CREAM ครีมที่ช่วยบำรุงผิวอย่างเข้มข้น ด้วยสูตรไม่มีน้ำหอม อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 และ Ceramide 2 ที่จะช่วยให้ผิวหน้ารู้สึกชุ่มชื้นขึ้น และบำรุงผิวให้ดูกระจ่างสดใส แลดูจุดด่างดำจางลง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนนุ่ม จน...
CKP 47 พี.ซี. เอนฮานซ์ มอยส์เจอร์ เซราไมด์ ไฮยา อิมัลชั่น P.C. ENHANCE MOISTURE CERAMIDE HYA EMULSION บูสต์ความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมบำรุงปราการให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยอิมัลชั่นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มี Ceramide NP และ Phytosphingosine ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว และบำรุงผิวหน้าที่แห้งใ...
CKP 32 พี.ซี. ดีพ มอยส์เจอไรซิ่ง พลัส ครีม P.C. DEEP MOISTURIZING PLUS CREAM ครีมเข้มข้น เพื่อการบำรุงผิวหน้าที่มีความแห้ง อุดมด้วยสารมอยส์เจอร์ไรเซอร์ อาทิ Jojoba Oil และวิตามินอี จะช่วยให้ผิวหน้ารู้สึกเนียนนุ่มชุ่มชื้น เผยผิวที่ดูเปล่งประกายอวบอิ่ม และดูสุขภาพผิวดี มาพร้อมกั...
CKP 01 พี.ซี. เซลามายด์ พลัส ครีม P.C. CERAMIDE PLUS CREAM ครีมที่ช่วยบำรุงผิวอย่างเข้มข้น ด้วยสูตรไม่มีน้ำหอม อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 และ Ceramide 2 ที่จะช่วยให้ผิวหน้ารู้สึกชุ่มชื้นขึ้น และบำรุงผิวให้ดูกระจ่างสดใส แลดูจุดด่างดำจางลง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนนุ่ม จน...
บทความน่ารู้สร้างแบรนด์ ทำแบรนด์ แนะนำ

สกินแคร์ผิวผู้ชาย เคล็ดลับดูแลผิวหน้า ตามสภาพผิวที่เหมาะกับคุณ เคล็ดลับดูแลผิวหน้าผู้ชายให้เป็นทรงคุณค่า รู้จักประเภทผิวและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายทุกคน...

ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE

เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์

รับรองคุณภาพตามมาตรฐานโรงงาน

แลปผลิต ครีม อาหารเสริม

สถานที่ตั้ง ส่วนโรงงาน

55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110

สถานที่ตั้ง ส่วนสำนักงาน (ออฟฟิศ) รับรองลูกค้า

111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

เบอร์โทร ออฟฟิศ

02-886-3956 ถึง 57 กด 0

เบอร์โทร ลูกค้าสัมพันธ์

0808-108-109

วันทำการ

จันทร์ - เสาร์

เวลาทำการ

08.30 - 17.30