ทาอะไรก่อนระหว่างครีมกับมอยเจอร์ไรเซอร์? คำถามที่หลายคนยังสับสน! เรามีคำตอบกระชับ เข้าใจง่าย พร้อมลำดับการทาสกินแคร์ที่ถูกต้อง ตรงจุด เห็นผลจริง!
เป็นคำถามที่คนรักผิวเกือบทุกคนเคยสงสัย บทความนี้จะช่วยคุณเคลียร์ความเข้าใจเกี่ยวกับลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว พร้อมเทคนิคการทาสกินแคร์ให้ได้ผลจริง รวมถึงแนะนำวิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์และครีมที่เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท
การบำรุงผิวพรรณให้แลดูสดใส กระจ่างใส มีน้ำมีนวลนั้น นอกจากการดูแลเรื่องการกินและการนอนให้เพียงพอแล้ว การใช้ครีมบำรุงผิวก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ เพราะการทาครีม โดยเฉพาะมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นการให้ความชุ่มชื้นและสารอาหารแก่ผิวโดยตรง อย่างไรก็ตามหลายคนมักจะประสบปัญหาว่า ทาครีมเข้าไปแล้วแต่ผิวไม่ค่อยจะดูดซึมเท่าที่ควร จึงทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากครีมบำรุงอย่างเต็มที่นัก วันนี้เรามารวบรวมเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครีมบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เรามาทำความรู้จักชั้นผิวของเรากันก่อนนะคะ ผิวของเราประกอบไปด้วย 3 ชั้น ได้แก่
ซึ่งอยู่นอกสุดเป็นเหมือนกำแพงผิวช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และสิ่งแวดล้อมที่มาทำร้ายผิว ไม่ว่าจะเป็น สารเคมี หรือแบคทีเรียต่างๆ
ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เพราะมีคอลลาเจนและอีลาสติน อยู่ได้ด้วย hyaluronic acid (มอยเจอร์ไรเซอร์ชั้นดี)เป็นตัวอุ้มน้ำและดูดน้ำได้ดี
ซึ่งครีมบำรุงผิวโดยทั่วไปจะบำรุงได้แค่ผิวชั้นนอกนะคะน้อยมากที่จะซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นในค่ะ แต่ถ้าเราบำรุงได้ถูกวิธีก็มีโอกาสที่สารบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์จะซึมสู่ผิวหนังได้ง่ายและมีประสิทธิภาพค่ะ
เมื่อพูดถึงการบำรุงผิว หลายคนอาจใช้คำว่า “ครีม” และ “มอยเจอร์ไรเซอร์” แทนกันโดยไม่รู้ว่าทั้งสองมีวัตถุประสงค์ในการดูแลผิวที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งความเข้าใจผิดนี้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการดูแลผิวโดยรวม เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ผิดลำดับหรือผิดประเภท อาจทำให้ผิวไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
ในหัวข้อนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ครีม (Cream) และ มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) คืออะไร แต่ละประเภทมีหน้าที่หลักในการบำรุงผิวอย่างไร แตกต่างกันตรงไหน และเหมาะกับการใช้ในช่วงเวลาใดของกิจวัตรการดูแลผิว
ครีม เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น มักผสมสารออกฤทธิ์เฉพาะ เช่น วิตามิน C, Retinol, Niacinamide, AHA/BHA หรือ Peptide ต่าง ๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อการบำรุงเฉพาะทาง เช่น ลดริ้วรอย, ฟื้นฟูผิว, ลดจุดด่างดำ หรือเพิ่มความกระจ่างใส
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือผลิตภัณฑ์พื้นฐานที่ช่วยเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และผิวบอบบางแพ้ง่าย
หัวข้อ |
ครีม (Cream) |
มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) |
---|---|---|
วัตถุประสงค์หลัก | บำรุงเฉพาะทาง เช่น ลดริ้วรอย ผิวกระจ่างใส | เติมความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิว |
ความเข้มข้น | เข้มข้นกว่า ซึมช้ากว่า | เบากว่า ซึมง่ายกว่า |
ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ | ข้น หนา อาจมีสารออกฤทธิ์เฉพาะ ตามลักษณะปัญหาผิว | มักอยู่ในรูปแบบครีมหรือเจลใส และมักจะไม่มีสารสำคัญที่ระคายเคืองผิว |
เวลาใช้ที่เหมาะสม | ได้ทั้งเช้า-เย็น มีบางสูตรที่ทาได้เฉพาะก่อนนอนเท่านั้น เช่น ครีมผสมเรตินอล | ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็น ทาทั่วใบหน้า เพื่อป้องกันปัญหาผิวหน้ามัน ผิวหน้าแห้งลอกเป็นขุย |
ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ก่อน แล้วตามด้วยครีม
เพราะมอยเจอร์ไรเซอร์มีหน้าที่เติมน้ำและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการดูดซึมสารบำรุงจากครีมได้ดีขึ้น ส่วนครีมมักมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นและออกฤทธิ์เฉพาะ จึงควรใช้เป็นลำดับหลังเพื่อ “ล็อก” ความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ในผิว
หลายคนมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์หลากหลายชิ้นวางเรียงอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง แต่กลับไม่แน่ใจว่าควรใช้ลำดับอย่างไรถึงจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด บางครั้งใช้ของดีแต่ไม่ได้ผล เพราะลำดับที่ลงผิดอาจทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงได้น้อย หรือผลิตภัณฑ์ตีกันเองจนเกิดสิวอุดตัน
ในทางการแพทย์ผิวหนัง ลำดับการลงสกินแคร์จึงมีความสำคัญมาก โดยต้องเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีโมเลกุลเล็กและซึมง่ายก่อน แล้วจึงตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงหรือเนื้อหนัก ซึ่งจะช่วย “ล็อก” ความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ในชั้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
ลำดับต่อไปนี้คือแนวทางที่แนะนำโดยแพทย์ผิวหนังทั่วโลก:
ลำดับ | ผลิตภัณฑ์ | หน้าที่ |
1 | Cleanser | ทำความสะอาดผิว |
2 | Toner | ปรับสมดุล pH ของผิว และเตรียมผิวให้ชุ่มชื้น ก่อนทาสกินแคร์ลำดับถัดไป |
3 | Serum | บำรุงเฉพาะทาง เช่น ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส |
4 | Moisturizer | เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป |
5 | Cream | บำรุงเฉพาะทาง ในปัญหาผิวที่ต้องการ |
6 | Sunscreen(เฉพาะตอนเช้า) | ป้องกันผิวจากรังสี UV |
เคล็ดลับเพิ่มเติม: หากมีหลายชั้นของสกินแคร์ ให้นึกถึง “บาง → หนัก” หรือ “น้ำ → น้ำมัน” เป็นหลัก เช่น
เซรั่มที่บางเบาก่อน → มอยเจอร์ไรเซอร์ → ครีมที่เข้มข้น → ครีมกันแดดในตอนเช้า
การจัดลำดับสกินแคร์ให้ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาผิว เช่น การอุดตัน การระคายเคือง และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่คุณลงทุนซื้อมา “ทำงานได้เต็มที่” มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ไม่ได้มีแค่ “ซื้อตัวที่คนอื่นรีวิว” แล้วหวังว่าจะได้ผลเหมือนกันทุกคน เพราะสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ “เหมาะกับผิวตัวเอง” จึงสำคัญที่สุด หากเลือกผิดอาจทำให้ผิวอุดตัน เกิดสิว หรือแพ้ระคายเคืองได้ง่าย
โดยทั่วไป ผิวของคนเราจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็ต้องการเนื้อสัมผัสและสารบำรุงที่แตกต่างกัน ดังนี้:
ประเภทผิว | มอยเจอร์ไรเซอร์ที่แนะนำ |
ผิวมัน | เจล, Oil-free, มี Hyaluronic Acid เป็นส่วนประกอบ |
ผิวแห้ง | เนื้อครีมต้องเข้มช้น, มี Ceramide, Shea Butter เป็นส่วนประกอบ |
ผิวผสม | เนื้อครีมที่บางเบา หรือ อิมัลชั่น ช่วยบาลานซ์ ความชุ่มชื้นจากน้ำกับน้ำมันให้ผิว |
ผิวบอบบางแพ้ง่าย | เนื้อครีมชนิดเดียวกับผิวแห้ง แต่ ไม่ควรมีน้ำหอม, แอลกอฮอล์ และควรจะปราศจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง |
การเข้าใจประเภทผิวและเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ หากเลือกได้เหมาะสมจะช่วยให้ผิวแข็งแรง ดูอิ่มน้ำ และลดปัญหาผิวเรื้อรังได้ในระยะยาว
อ่านบทความ: วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว
การลงสกินแคร์ไม่ใช่เพียงแค่ “ทาแล้วจบ” เพราะแม้จะเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพดีแค่ไหน แต่หากวิธีใช้ไม่ถูกต้อง ก็อาจทำให้ผิวดูดซึมไม่เต็มที่ หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด เช่น สิวอุดตัน รอยแดง หรือผิวแห้งลอก
นี่คือเคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำ เพื่อให้การลงสกินแคร์ของคุณเห็นผลชัดเจนและปลอดภัย:
การรีบลงผลิตภัณฑ์ซ้อนกันหลายชั้นอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ผสมกันจนเกิด “Pilling” หรือจับตัวเป็นขุย รวมถึงลดประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ การเว้นช่วงเล็กน้อยระหว่างชั้นจะช่วยให้ผิวดูดซึมได้ดีขึ้น
การใช้มากไปไม่ได้ช่วยให้ได้ผลเร็วขึ้น แต่กลับอาจอุดตันรูขุมขน ควรใช้ตามที่แนะนำ เช่น ขนาดเมล็ดถั่วเขียวสำหรับเซรั่ม หรือขนาดเมล็ดถั่วลิสงสำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์
คอล้วนเป็นบริเวณที่แสดงอายุได้ง่าย หากละเลย อาจเกิดริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกับผิวหน้า และทาจากล่างขึ้นบนเพื่อช่วยยกกระชับ
การใช้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวมีความเสถียรและแข็งแรง ไม่แนะนำให้เว้นช่วงหรือใช้แบบไม่สม่ำเสมอ เพราะจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง
แม้ว่าคุณจะบำรุงผิวดีแค่ไหน หากไม่มีเกราะป้องกันจากรังสี UV ผิวก็ยังเสี่ยงต่อริ้วรอย จุดด่างดำ และการเสื่อมสภาพก่อนวัย ควรเลือกกันแดด SPF 30+ ขึ้นไป และทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงหากออกกลางแจ้ง
Bonus Tip: หากต้องการให้สกินแคร์ซึมดีขึ้น แนะนำให้ “วอร์ม” ผลิตภัณฑ์ด้วยมือก่อน แล้วกดเบา ๆ ลงบนผิว แทนการถูแรง ๆ
เคยไหม? ลงสกินแคร์หลายขั้นตอน ใช้ครีมราคาสูงแต่กลับไม่รู้สึกว่าผิวดีขึ้น นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาที่ผลิตภัณฑ์ แต่คือ “วิธีการลง” และ “การเตรียมผิว” ที่ยังไม่ถูกต้อง
เพราะการดูแลผิวไม่ใช่แค่ทา แต่ต้อง "ทาอย่างมีเทคนิค" เพื่อให้สารบำรุงสามารถซึมลึกสู่ผิวได้จริง บทความนี้จึงรวม 7 เทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณทาครีมและมอยเจอร์ไรเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด:
ผิวของเราผลัดเซลล์เองตามธรรมชาติทุก 28 วัน แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการนี้จะช้าลง ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุให้ครีมไม่สามารถซึมลงสู่ผิวได้ดี
วิธีแก้:
ใช้ผลิตภัณฑ์ Exfoliate เช่น สครับอ่อนโยน หรือสกินแคร์ที่มี AHA, BHA เป็นประจำสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง เพื่อเปิดทางให้ครีมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
ระวัง! ห้ามขัดผิวบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางหรือระคายเคืองได้
รูขุมขนจะขยายตัวเมื่อสัมผัสความร้อน ซึ่งจะช่วยให้ครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ซึมซาบได้ดีขึ้น
วิธีทำ:
อาบน้ำอุ่นก่อนทาครีม
ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นวางบนใบหน้าประมาณ 5–10 นาที
หรือใช้อบไอน้ำเบา ๆ สำหรับผิวหน้า
ผิวที่ยังมีความชื้นจะช่วยดูดซึมสารบำรุงได้ดีกว่าผิวที่แห้งสนิท เพราะน้ำช่วยเปิดช่องทางให้สารบำรุงเข้าสู่ผิว
เคล็ดลับ:
หลังล้างหน้า ให้ทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ภายใน 3–5 นาที ก่อนที่ผิวจะแห้ง
เพื่อให้การซึมผ่านผิวมีประสิทธิภาพสูง ควรเรียงลำดับจากเนื้อบางเบา → เข้มข้น เช่น:
เริ่มจากเซรั่ม (Water-based)
ตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์
จบด้วยครีมหรือออยล์ (Oil-based)
หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบ Emulsion หรือ เซรั่มแบบน้ำมันในน้ำ (น้ำมันซ่อนในโมเลกุลน้ำ) ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผิวผสม
Penetration Enhancer คือสารช่วยเปิดช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว ทำให้ครีมซึมลึกขึ้น เช่น:
สารสังเคราะห์: Silicone, Glycols, Fatty Alcohols
สารธรรมชาติ: Organic Soy Lecithin, Liposome, Ceramides
ข้อควรระวัง: หากเลือกสาร PE ที่แรงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือหน้าบางในระยะยาว ควรเลือกสูตรที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัย
ยิ่งโมเลกุลของสารบำรุงเล็กเท่าไหร่ ยิ่งซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น เช่น:
Vitamin C (Ascorbic Acid)
Retinol (ในรูปแบบ Encapsulation)
Niacinamide
Hyaluronic Acid (Low Molecular Weight)
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Encapsulation ที่ช่วยให้สารไม่เสื่อมสภาพเร็ว และลดการระคายเคืองขณะซึมเข้าสู่ผิวได้อีกด้วย
ตัวอย่างสูตรแนะนำ: CSP 81 Retinol Sleeping Mask– สารบำรุงเข้มข้นที่ซึมเร็วแต่ไม่ระคายเคือง
ความเข้าใจผิดที่ว่า “ผิวมันไม่ต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์” นั้นไม่ถูกต้อง เพราะทุกสภาพผิวต้องการความชุ่มชื้น
มอยเจอร์ไรเซอร์มีหน้าที่:
เติมน้ำ (Humectant)
เคลือบผิว (Occlusive)
เพิ่มความนุ่มนวล (Emollient)
ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิว เช่น
ผิวมัน → สูตรเจล / Oil-Free
ผิวแห้ง → สูตรครีมเข้มข้น
เตรียมผิวด้วยการขัดผิวและวอร์มผิวให้อุ่น
ลงครีมในลำดับที่ถูกต้อง
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีช่วยการซึมซาบ
รักษาความชุ่มชื้นของผิวให้สมดุลอยู่เสมอ
เมื่อปฏิบัติได้ครบ ผิวของคุณจะดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว สุขภาพดีแบบยั่งยืนแน่นอนค่ะ
Prema Care คือโรงงานรับผลิต OEM/ODM เครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก:
✔️ ISO 9001:2015
✔️ ASEAN GMP
✔️ Green Industry
✔️ ทีมงานเภสัชกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
สนใจเริ่มต้นแบรนด์ของคุณ ติดต่อ Prema Care ได้ที่
Line: @premacare
โทร. 0808-108-109
✅ ตอบชัดเจนอีกครั้ง: มอยเจอร์ไรเซอร์ควรทาก่อนครีม
เพื่อเตรียมผิวให้ดูดซึมสารบำรุงในครีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวได้นานขึ้น
Healthline – “What Is the Correct Order to Apply Skincare Products?”
Medical News Today – “Moisturizer: Types and how to choose”
Premacare บทความ
- Moisturizer แนะนำสำหรับแต่ละสภาพผิว
- วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว
รับรองคุณภาพตามมาตรฐานโรงงาน
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
สถานที่ตั้ง ส่วนโรงงาน
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
สถานที่ตั้ง ส่วนสำนักงาน (ออฟฟิศ) รับรองลูกค้า
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
เบอร์โทร ออฟฟิศ
02-886-3956 ถึง 57 กด 0เบอร์โทร ลูกค้าสัมพันธ์
0808-108-109วันทำการ
จันทร์ - เสาร์
เวลาทำการ
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์