No Animal Testing คืออะไร คำศัพท์น่ารู้ในการผลิตสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง

Animal Testing

การทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์กับสัตว์ ก่อนที่จะนำไปใช้กับมนุษย์ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยกับผิวหนังของมนุษย์ มักเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์โดยตรง เช่น ยารักษาโรค เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ซึ่งการทดสอบความเป็นพิษต่อผิวหนังในกระบวนการ Animal Testing จะทดสอบทั้งหมด 4 อย่าง คือ

1. การทดสอบการระคายเคืองต่อผิว (Skin Irritation Test)

2. การทดสอบความเป็นพิษเมื่อเจอแสง (Photo Toxicity Test)

3. การทดสอบการระคายเคืองต่อดวงตา (Ocular Irritation Test)

4. การทดสอบความสามารถในการซึมซาบสู่ผิวหนัง (Transdermal Permeability Test)

          สัตว์ที่ใช้ทดลองจะเป็นกลุ่มสัตว์ขนาดเล็ก เช่น แมว สุนัข กระต่าย หนูขาว หนูตะเภา โดยในการทดสอบเครื่องสำอางจะนิยมใช้กระต่าย เพราะกระต่ายมีผิวที่ตอบสนองไวกว่าสัตว์ชนิดอื่น และมีผิวหนังใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด 
          วิธีการทดสอบนั้น เช่น การโกนขนสัตว์แล้วทาครีมหรือสารเคมีลงไปบนผิวหนังของสัตว์ เพื่อทดสอบอาการแพ้ต่างๆ  การให้สัตว์กินหรือสูดดมส่วนประกอบที่อาจจะเป็นอันตราย บางวิธีก็โหดร้ายน่าสงสาร เช่น ถ้าเป็นเครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตา ก็จะหยอดสารเข้าไปในดวงตาของกระต่ายโดยตรง ฟังดูแล้วไม่อยากจะคิดว่า หากเจ้ากระต่ายเกิดการแพ้ มันจะทรมานขนาดไหน บางตัวก็ถึงขั้นตาบอดมองไม่เห็น บางตัวผิวหนังอักเสบ บางตัวพิการ หรือสูญเสียอวัยวะบางส่วนไปเนื่องจากผลข้างเคียงจากสารเคมี บางตัวอาจได้รับสารเคมีในปริมาณมากจนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามเดิม เห็นไหมคะว่ากว่าจะได้มาสคาร่าสักแท่ง ต้องแลกกับความเจ็บปวดของสัตว์จำนวนมาก อย่างที่เคยได้ยินมา Beauty is pain ความสวยนั้นแลกมากับความเจ็บปวด แต่ไม่ใช่ความเจ็บปวดของเราหรอกนะคะ แต่คือความเจ็บปวดของผู้ทดลองใช้อันดับนั้นก็คือเหล่า สัตว์ตัวทดลองนั่นเองค่ะ โดยระยะเวลาในการทดลองจะอยู่ระหว่าง 28-90 วัน ก่อนที่สัตว์เหล่านี้จะถูกส่งไปทำการการุณยฆาต (Euthanasia) โดยการฉีดยาหรือรมแก๊สให้ตายอย่างสงบ น่าหดหู่ใจใช่ไหมล่ะคะ ที่ความสวยของเราเป็นส่วนหนึ่งที่ไปทำร้ายสัตว์

          หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าไม่ทำการทดลองกับสัตว์แล้วจะใช้อะไรมาทำการทดลอง ปัจจุบันนี้การทดลองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีวิธีอื่นๆ เช่น การเพาะเนื้อเยื่อโปรตีนมาใช้เพื่อเป็นตัวทดสอบปฏิกริยาทางเคมี หรือสร้างอวัยวะทดแทน โดยการเลี้ยงเซลล์ต้นแบบ (Stem Cell) ให้เติบโตบนไมโครชิปเพื่อเลียนแบบการทำงานของอวัยวะที่ต้องการ เช่น เนื้อเยื่อโปรตีน ชื่อ “อายเท็กช์” สำหรับเครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตาเพื่อทดสอบเรื่องการระคายเคืองนัยน์ตาของมนุษย์ มาทดลองใช้ด้วยนั่นเอง หรืออาจใช้วิธีนำส่วนประกอบหรือสารเคมีที่เคยผ่านการทดสอบกับสัตว์มาก่อน ดูข้อมูลแล้วว่าปลอดภัยมาทดสอบกับคนอีกครั้ง เรียกว่า In Vitro Topical and Cosmetic Testing

          ในปัจจุบันมีหลายแบรนด์ได้เลิกทำการทดลองกับสัตว์แล้ว และได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางหลายแบรนด์ใช้เป็นจุดขาย (Selling Point) ว่าจะไม่มีการทดลองกับสัตว์ รวมถึงไม่ใช้ส่วนประกอบหรือวัตถุดิบที่ได้มาจากสัตว์ โดยเครื่องสำอางที่ไม่ทดลองกับสัตว์จะมีสัญลักษณ์บนฉลากระบุไว้ โดยมักจะมีคำว่า No Animal Testing และ Cruelty Free ที่เป็นรูปกระต่าย สาวๆ หลายคนน่าจะคุ้นสัญลักษณ์นี้กันมาบ้างใช่ไหมคะ

          ดังนั้นทางพรีมา แคร์ จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Cruelty Free มาให้ได้อ่านกันอีกบทความค่ะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ทำความรู้จัก Cruelty Free ก่อนผลิตครีม เครื่องสำอาง สวยแบบรักสัตว์ คืออะไร

แหล่งที่มา : 
https://www.crueltyfreeinternational.org/why-we-do-it/facts-and-figures-animal-testing
https://thematter.co/science-tech/the-end-of-animal-testing/46526