FAQ เซราไมด์ เพื่อนแท้ของทุกสภาพผิว Part 1

เคยสงสัยไหมว่าเซราไมด์คืออะไร? ทำไมถึงเป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว? บทความนี้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย 10 ข้อเกี่ยวกับเซราไมด์ ไขข้อสงสัย เผยประโยชน์ของเซราไมด์ และเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดเซราไมด์!

1. เซราไมด์คืออะไร?

เซราไมด์ (Ceramides) เป็นสารชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อผิวพรรณของเราค่ะ ลองนึกภาพว่าผิวของเราคือกำแพงอิฐนะคะ ซึ่งอิฐแต่ละก้อนเปรียบเสมือนเซลล์ผิวหนัง และสารเซราไมด์ก็คือปูนที่เชื่อมระหว่างอิฐเหล่านั้นให้แน่นหนา ถ้าไม่มีปูน กำแพงก็จะพังทลายไปได้ง่าย ๆ

เซราไมด์เป็นส่วนหนึ่งของไขมันที่อยู่ในชั้นนอกของผิวหนัง (Stratum Corneum) โดยทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันไม่ให้น้ำและความชุ่มชื้นในผิวระเหยออกไปง่าย ๆ และยังป้องกันสารเคมีหรือสิ่งสกปรกจากภายนอกไม่ให้เข้าสู่ผิวของเราด้วยค่ะ

เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือผิวหนังได้รับความเสียหาย เช่น จากแสงแดดหรือสารเคมีต่าง ๆ ปริมาณเซราไมด์ในผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยได้ง่ายค่ะ ดังนั้น การดูแลผิวให้มีเซราไมด์เพียงพอจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย

เราสามารถเพิ่มเซราไมด์ให้กับผิวได้หลายวิธีค่ะ หนึ่งในวิธีที่ง่ายและนิยมใช้กันมากคือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ เช่น ครีม โลชั่น หรือเซรั่ม นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีไขมันดี ๆ เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่วต่าง ๆ ก็สามารถช่วยเสริมสร้างเซราไมด์ในผิวได้เช่นกันค่ะ

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์นั้น ควรเลือกที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา เช่น หากคุณมีผิวแห้ง ควรเลือกครีมที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น เพื่อให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ และหากมีผิวมัน ควรเลือกใช้เซรั่มหรือโลชั่นที่มีเนื้อบางเบาเพื่อไม่ให้ผิวรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

เซราไมด์ไม่ใช่เพียงแค่สารที่ช่วยให้ผิวสวย แต่ยังเป็นเกราะป้องกันผิวจากความเสียหายต่าง ๆ ดังนั้นการดูแลรักษาระดับเซราไมด์ในผิวให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ

เซราไมด์


2. เซราไมด์ช่วยอะไร?

เซราไมด์มีบทบาทสำคัญมากในเรื่องการดูแลผิวพรรณของเรา มาดูกันดีกว่าว่าเซราไมด์ช่วยอะไรบ้าง และทำไมมันถึงสำคัญมากขนาดนี้ค่ะ

เซราไมด์ช่วย

 

1.    เซราไมด์ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว:

เซราไมด์เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างผิวหนังที่ช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้อย่างดี เมื่อมีเซราไมด์เพียงพอ ผิวของเราจะไม่แห้งแตกง่าย และรู้สึกนุ่มนวล มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

2.    เซราไมด์ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว:

เซราไมด์ทำหน้าที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันไม่ให้สารเคมี สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคต่าง ๆ เข้ามาทำร้ายผิวได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก

3.    ลดการอักเสบและการระคายเคือง:

เมื่อผิวขาดเซราไมด์ มักจะเกิดการอักเสบและระคายเคืองได้ง่าย เพราะเซราไมด์มีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของผิวหนัง การเสริมเซราไมด์ให้กับผิวสามารถช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการคันหรือผื่นแดงได้

4.    ชะลอการเกิดริ้วรอย:

การสูญเสียเซราไมด์ในผิวเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อมีเซราไมด์เพียงพอ ผิวจะมีความยืดหยุ่นและดูเต่งตึงมากขึ้น ทำให้ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นปรากฏน้อยลง

5.    ส่งเสริมการฟื้นฟูผิว:

เซราไมด์มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผิวที่เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด การใช้สารเคมี หรือการบาดเจ็บต่าง ๆ เซราไมด์ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดีและแข็งแรงได้เร็วขึ้น

เพื่อให้ผิวของเรามีเซราไมด์เพียงพอ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเซราไมด์เป็นส่วนประกอบจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่วชนิดต่าง ๆ ก็สามารถช่วยเพิ่มระดับเซราไมด์ในผิวได้เช่นกัน

การดูแลผิวให้มีเซราไมด์เพียงพอไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยให้ผิวของเราแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และมีสุขภาพดีไปอีกนานค่ะ 


3. ทำไมต้องใช้เซราไมด์? ผิวที่ขาดเซราไมด์เป็นอย่างไร?

ผิวที่ขาดเซราไมด์จะมีลักษณะและปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ:

เซราไมด์

  1. แห้งและแตกง่าย: เมื่อผิวขาดเซราไมด์ ความสามารถในการกักเก็บน้ำในผิวจะลดลง ทำให้ผิวแห้งแตกง่ายและขาดความชุ่มชื้น ผิวที่แห้งมากอาจรู้สึกคันและระคายเคืองได้
  2. สูญเสียความยืดหยุ่น: ผิวที่ขาดเซราไมด์จะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูเหี่ยวย่นและมีริ้วรอยมากขึ้น ผิวอาจดูหมองคล้ำและไม่มีชีวิตชีวา
  3. อ่อนแอต่อสารระคายเคือง: เซราไมด์ช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว เมื่อผิวขาดเซราไมด์ เกราะป้องกันนี้จะอ่อนแอลง ทำให้ผิวมีแนวโน้มที่จะอักเสบและระคายเคืองได้ง่าย ผิวจะไวต่อสารเคมี สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคต่าง ๆ มากขึ้น
  4. ฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลง: ผิวที่ขาดเซราไมด์จะมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองลดลง ผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด สารเคมี หรือการบาดเจ็บจะฟื้นฟูได้ช้ากว่าปกติ ทำให้ปัญหาผิวต่าง ๆ ยืดเยื้อและยากต่อการรักษา
  5. เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ: ผิวที่ขาดเซราไมด์อาจเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ได้ง่าย เช่น ผิวแห้งคัน ผื่นแพ้ ผิวลอกเป็นขุย และปัญหาผิวพรรณอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความชุ่มชื้นและความสมดุลของผิว

สรุปได้ว่าเซราไมด์เป็นสารสำคัญที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ ชะลอการเกิดริ้วรอย และส่งเสริมการฟื้นฟูผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดูแลผิวพรรณให้สวยงามและสุขภาพดีค่ะ


4. ใครควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์?

ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์มีประโยชน์สำหรับทุกคนที่ต้องการดูแลผิวพรรณของตนเองให้สุขภาพดีและแข็งแรง แต่กลุ่มบุคคลที่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์เป็นพิเศษมีดังนี้ค่ะ:

เซราไมด์

  1. ผู้ที่มีผิวแห้งหากคุณมีผิวแห้ง
    ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายและอาจแห้งแตก เซราไมด์จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวไม่แห้งและแตกง่าย
  2. ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
    ผิวแพ้ง่ายมักจะมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ ทำให้ไวต่อสารก่อภูมิแพ้และระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์จะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและทนทานต่อสารระคายเคืองมากขึ้น
  3. ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบหรือผิวติดเชื้อ
    เซราไมด์มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและบรรเทาอาการคันหรือผื่นแดง ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบหรือผิวติดเชื้อจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์เพื่อช่วยรักษาผิวให้กลับมาสู่สภาพปกติ
  4. ผู้ที่มีผิวเสียหายจากแสงแดดหรือสารเคมี
    แสงแดดและสารเคมีสามารถทำร้ายผิวและทำให้ผิวสูญเสียเซราไมด์ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์จะช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหาย ทำให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดีและแข็งแรงได้เร็วขึ้น
  5. ผู้สูงอายุ
    เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณเซราไมด์ในผิวจะลดลง ทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ผู้สูงอายุควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยและรักษาความยืดหยุ่นของผิว
  6. ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย
    เซราไมด์ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นปรากฏน้อยลง ผู้ที่ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์เป็นส่วนประกอบ
  7. ผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้สุขภาพดี
    ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์ก็สามารถช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและแข็งแรงได้ เซราไมด์ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว กักเก็บความชุ่มชื้น และลดการอักเสบ ทำให้ผิวของคุณดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าคุณจะมีปัญหาผิวแบบไหน การดูแลผิวให้มีเซราไมด์เพียงพอจะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก และมีสุขภาพดีไปอีกนานค่ะ


5. เซราไมด์มีกี่ประเภท?

เซราไมด์มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 9 ชนิด ได้แก่ เซราไมด์ 1, 2, 3, 4, 5, 6I, 6II, 7 และ 9 ซึ่งมีคุณสมบัติและบทบาทที่แตกต่างกัน.ทำความรู้จักกับชนิดเซราไมด์ประเภทต่างๆได้ที่: อยากมีผิวสุขภาพดี ต้องมี เซราไมด์ 

เซราไมด์ที่พบในผิวหนังของมนุษย์มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างกันไปค่ะ เซราไมด์ที่สำคัญและพบได้บ่อยมีดังนี้:

ประเภทของเซราไมด์

1. เซราไมด์ 1 (Ceramide 1)หรืออีกชื่อหนึ่งว่า EOS (Esterified Omega Hydroxy Ceramide)

เซราไมด์ประเภทนี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างเกราะป้องกันผิวและรักษาความชุ่มชื้น เป็นเซราไมด์ที่มีลักษณะเฉพาะคือมีสายกรดไขมันที่ยาวและมีพันธะเอสเทอร์ ทำให้มันมีคุณสมบัติพิเศษในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับชั้นเกราะป้องกันผิว

2. เซราไมด์ 2 (Ceramide 2) หรือ NS (N-Stearoyl Sphingosine)

เป็นเซราไมด์ที่ช่วยเสริมสร้างและรักษาความชุ่มชื้นในผิวหนัง ทำให้ผิวนุ่มนวลและมีความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว

3. เซราไมด์ 3 (Ceramide 3)หรือ NP (N-Stearoyl Phytosphingosine)

มีบทบาทในการฟื้นฟูผิวที่เสียหายและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิวและทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น

4. เซราไมด์ 6-II (Ceramide 6-II) หรือ AP (Alpha-Hydroxy-N-Stearoyl Phytosphingosine)

เซราไมด์ประเภทนี้มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากแสงแดดและสารเคมี

5. เซราไมด์ 9 (Ceramide 9) หรือ EOP (Esterified Omega Hydroxy Phytosphingosine)

มีบทบาทในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น

นอกจากเซราไมด์ประเภทหลักที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเซราไมด์ประเภทอื่น ๆ ที่มีความสำคัญในการดูแลผิวหนัง เช่น เซราไมด์ 4, 5, 7 และ 8 แต่จะพบในปริมาณที่น้อยกว่าประเภทหลัก

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์ควรพิจารณาประเภทของเซราไมด์ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ เพราะแต่ละประเภทมีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์หลายประเภทจะช่วยให้ผิวของคุณได้รับการดูแลอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ

สรุปได้ว่าเซราไมด์มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้น เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และฟื้นฟูผิวที่เสียหาย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์หลายประเภทจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลผิวให้สุขภาพดีและแข็งแรงค่ะ


มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ "เซราไมด์" กันต่อในบทความ >>> FAQ เซราไมด์: เพื่อนแท้ของทุกสภาพผิว - Part 2 <<<

กดติดตามเพจของเราเพื่อไม่พลาดบทความดีๆได้ที่:
Line: @premacare หรือ คลิก 
Inbox Facebook
Tel: 080-810-8109

--------

แหล่งข้อมูล:
https://www.everydayhealth.com/healthy-skin/ceramides/guide/
https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/ceramide
https://www.cerave.com/

ผลิตภัณฑ์แนะนำ

CKP 47 พี.ซี. เอนฮานซ์ มอยส์เจอร์ เซราไมด์ ไฮยา อิมัลชั่น P.C. ENHANCE MOISTURE CERAMIDE HYA EMULSION บูสต์ความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมบำรุงปราการให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยอิมัลชั่นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มี Ceramide NP และ Phytosphingosine ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว และบำรุงผิวหน้าที่แห้งใ...
บทความน่ารู้สร้างแบรนด์ ทำแบรนด์ แนะนำ

คุณประโยชน์ที่น่าทึ่งของเซราไมด์ที่ได้จากข้าว Rice Ceramide ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมความงาม มีการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ได้จากพืชเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางความมหัศจรรย์ทางพฤกษศาสตร์เหล่านี้ เซราไมด์จากข้าวได้รับความสนใจอย่างมากจากคุณประโยชน์อันโดดเด่นในก...

ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE

เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์

รับรองคุณภาพตามมาตรฐานโรงงาน

แลปผลิต ครีม อาหารเสริม

สถานที่ตั้ง ส่วนโรงงาน

55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110

สถานที่ตั้ง ส่วนสำนักงาน (ออฟฟิศ) รับรองลูกค้า

111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

เบอร์โทร ออฟฟิศ

02-886-3956 ถึง 57 กด 0

เบอร์โทร ลูกค้าสัมพันธ์

0808-108-109

วันทำการ

จันทร์ - เสาร์

เวลาทำการ

08.30 - 17.30